วิธีเลือกซื้อตู้แช่

เลือกซื้อตู้แช่อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
10 ธันวาคม 2021

1200x250.jpg

เลือกซื้อตู้แช่อย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด

  1. เลือกประเภทของตู้แช่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน
    อันดับแรกซึ่งคุณจะต้องคำนึงถึงนั่นก็คือ การเลือกตู้แช่ให้เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ตู้แช่แข็ง, ตู้แช่สแตนเลส, ตู้แช่ไวน์ ฯลฯ เนื่องจากตู้แช่ในแต่ละประเภทก็จะมีการออกแบบและการควบคุมอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นคุณควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละธุรกิจของคุณ

  2. เลือกขนาดของตู้แช่ให้เหมาะสม
    โดยคุณควรคำนึงถึงจำนวนของสิ่งของที่จะนำมาแช่ เช่น หากคุณเปิดร้านไวน์ คุณก็ควรเลือกตู้แช่ไวน์ที่มีขนาดใหญ่ หรือหากคุณเปิดร้านจำหน่ายเครื่องดื่ม ต้องการใช้ตู้แช่สำหรับแช่เครื่องดื่ม คุณก็ต้องเลือกตู้แช่มินิมาร์ท เพราะเป็นตู้แช่เย็นเหมาะสำหรับแช่เครื่องดื่ม เป็นต้น

  3. เลือกตู้แช่ที่ประหยัดไฟ
    เทคนิคการเลือกตู้แช่ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นก็คือ การเลือกตู้แช่ที่ประหยัดไฟ เนื่องจากคุณจะต้องเปิดการใช้งานตู้แช่ไว้ทั้งวันทั้งคืน โดยคุณควรเลือกตู้แช่ที่มีคุณภาพสูง ผ่านการรับรองมาตรฐานจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่าสามารถประหยัดไฟได้อย่างสูงสุด

เบอร์ 5.jpg

  1. เลือกตู้แช่ที่คุณภาพดี
    สำคัญมากที่สุด นั่นก็คือการเลือกตู้แช่ที่มีคุณภาพดี ราคาสมเหตุสมผล เนื่องจากจะทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังช่วยให้ตู้แช่ของคุณอยู่กับคุณได้ยาวนาน

ข้อแนะนำในการใช้ตู้แช่อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุการใช้งานของตู้แช่และเพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

  1. ห้ามตั้งตู้แช่ใกล้แหล่งความร้อน การตั้งตู้แช่ใกล้เตาไฟ หรือถูกแสงแดดส่องถึงจะทำให้ตู้แช่ทำงานอย่างหนัก
  2. ควรตั้งตู้แช่ในอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรตั้งตู้แช่ในที่อับชื้น

1200x600.jpg

  • กรณีตู้แช่สแตนเลส และตู้แช่มินิมาร์ท ตำแหน่งที่ตั้งตู้แช่ควรมีระยะห่างจากเพดานอย่างน้อยประมาณ 30 ซม. ด้านข้าง 3 ซม. ด้านหลังควรห่างจากผนังอย่างน้อย 10 ซม. เพื่อความสะดวกในการปิดเปิดตู้และการระบายอากาศที่ดี อันจะส่งผลทำให้ตู้แช่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
  • กรณีตู้โชว์เค้ก ควรเว้นพื้นที่ด้านหลังตู้อย่างน้อย 30-50 ซม. และติดตั้งในพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก ซึ่งจะส่งผลทำให้ตู้โชว์เค้กทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน
  1. ระมัดระวังอย่าให้สายไฟชำรุด ในการติดตั้งตู้แช่ควรตรวจสอบสายไฟว่าชำรุดหรือไม่ ซึ่งอาจมีผลมาจากการวางตัวตู้ทับสายไฟ หรือสายไฟถูกปาดขณะติดตั้ง ถ้าพบว่าสายไฟเกิดชำรุด ต้องแจ้งให้ช่างเปลี่ยนโดยด่วน และขณะเสียบปลั๊กไฟหรือถอดปลั๊กไฟ ควรจับที่หัวปลั๊ก ไม่ควรกระชากสายไฟ เพราะอาจทำให้สายไฟขาดในและจะส่งผลเสียหายต่อตู้แช่และระบบไฟฟ้าในพื้นที่ได้
  2. อย่าเสียบปลั๊กตู้แช่ร่วมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ ปลั๊กของตู้แช่ควรแยกออกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่น ๆ และควรมีอุปกรณ์ตัดกระแสไฟฟ้าป้องกันไฟฟ้าลัดวงจรไว้ด้วย

1200x250-03.jpg

  1. เต้ารับของพื้นที่ที่ติดตั้งตู้แช่ ตู้โชว์เค้กควรมีสายดินรองรับ
  2. เลือกใช้อุณหภูมิให้เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อประหยัดพลังงาน
  3. ควรติดตั้งตู้แช่ในพื้นที่ราบเรียบ หลีกเลี่ยงการติดตั้งในพื้นที่ลาดเอียงหรือพื้นที่ที่มีน้ำขัง

1200x250-02.jpg

วิธีการตรวจเช็คสภาพ ขอบยางตู้แช่

  1. ควรตรวจสอบ ขอบยางตู้แช่ อย่าให้มีรอยรั่วหรือเสื่อมสภาพ
  2. ควรเปลี่ยนขอบยางตู้แช่ใหม่ทันที ที่ขอบยางขาด, เสื่อมสภาพ, ขึ้นเชื้อรา, ปิดไม่สนิท เพราะจะทำให้อากาศร้อนภายนอก เข้า ตู้แช่ ทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก นอกจากนี้ความชื้นในอากาศยังเข้าไปในตู้เย็น/ตู้แช่ ทำให้แผงเย็นหรือช่องทำน้ำแข็งเกาะเร็วขึ้น ดังนั้นฝาตู้แช่ควรจะปิดให้สนิท อย่าให้มีรอยรั่ว ซึ่งสามารถทดสอบได้โดย
  • ใช้กระดาษสอดระหว่าง ขอบยาง กับขอบประตูตู้แช่ เลื่อนกระดาษไปโดยรอบประตู ถ้าส่วนใดเลื่อนได้สะดวกไม่ฝืด แสดงว่าส่วนนั้นปิดไม่สนิท จึงควรเปลี่ยนขอบยางตู้เช่ใหม่ได้แล้ว
  • เมื่อสังเกตเห็นว่าขอบยางตู้แช่ขาด หรืออุปกรณ์ที่ช่วยปิดชำรุด (เช่น มือจับหรือว่าตัวล็อค) ไม่ควรฝืนใช้งานต่อ เพราะจะทำให้ตู้แช่เปลืองไฟมากขึ้น และอาจทำให้ความเย็นใน ตู้แช่ลดน้อยลง

วิธีดูแลรักษาขอบยาง

  1. เมื่อใช้ตู้แช่ตู้แช่ ได้ระยะหนึ่ง สังเกตว่าขอบยางตู้แช่ จะเริ่มแข็งตัว วิธีแก้ไข ให้ใช้น้ำร้อนใส่กาน้ำ แล้วเทลวกที่ขอบยางให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ ขอบยางจะเริ่มนิ่มลง (ควรถอดปลั๊กออกก่อน)
  2. หลังจากนั้นให้ใช้น้ำส้มสายชู (แบบธรรมดา) ชุบใส่ฟองน้ำแล้วเช็ดบางๆที่ขอบยางตู้แช่ จะช่วยให้ขอบยาง ไม่เป็นเชื้อราได้ง่าย