วิธีการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ

ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง
20 ธันวาคม 2021

1200x600-01.jpg

วิธีการเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศ ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง

จากผลการสำรวจตลาดเครื่องปรับอากาศในปีที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปที่หลายท่านไม่รู้ก็คือ

โดยสรุปเป็นข้อๆ ควรพิจารณาดังนี้

1. เลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง

ขนาดของเครื่องปรับอากาศ เรียกว่า BTU โดยควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของห้องให้มากที่สุด หากเลือกต่ำไปจะทำให้แอร์ และคอมเพรสเซอร์ทำงานหนักเกินไป หรือถ้าเลือก BTU สูงไปคอมเพรสเซอร์ก็จะทำงานน้อยเกิน และมีการตัดไฟบ่อย ทำให้ความชื้นในห้องสูงและประสิทธิภาพในการทำงานต่ำ โดยวิธีการคำนวนขนาดแอร์ที่จะติดในห้อง สามารถดูจาก ตารางขนาดห้อง กับค่า btu ของแอร์ ได้เป็นตัวอย่าง

1200x600-02.jpg

2. เลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เท่านั้น

การเลือกเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 นั้น จะสามารถการันตีได้ว่า เครื่องปรับอากาศนั้น ไม่กินไฟมาก และให้ประสิทธิภาพที่ดี แต่หากคุณมีการเปรียบเทียบซื้อเครื่องปรับอากาศ ที่ประหยัดไฟเบอร์ 5 เหมือนกัน และก็ BTU เท่ากัน จะทำอย่างไรดี? ง่ายมากๆ ให้เลือกแอร์ที่มีค่า EER สูงกว่าเป็นผู้ชนะ เพราะค่า EER ของเครื่องปรับอากาศนั้น สามารถบ่งบอกถึงประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานได้ หากเลขยิ่งสูง ยิ่งดี

3. เลือกอายุการรับประกัน

เครื่องปรับอากาศทุกชนิด มีบริการหลังการขาย (ยกเว้นแอร์มือสอง) และแต่ละร้านแอร์นั้น ย่อมจะชูจุดเด่นของแถมมากมาย เช่นล้างแอร์ฟรี 5 ครั้ง เติมน้ำยาแอร์ฟรี ฯลฯ เพราะฉะนั้นควรเลือกบริษัทที่น่าเชื่อถือ มีอายุการเปิดบริษัทมาแล้วยาวนาน เพราะนอกจากจะได้รับการติดตั้งแอร์จากผู้มีประสบการณ์แล้ว ยังได้รับบริการหลังการขายที่ยาวนานอีกด้วย

4. เปรียบเทียบราคา(ที่คิดว่าแพง) กับคุณสมบัติพิเศษ และรูปแบบความสวยงาม

เครื่องปรับอากาศมีการแข่งขันกันหลายยี่ห้อ จึงเกิดราคาขึ้นหลายราคา และยังมีเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมไปถึงความเงียบ สุขภาพ และระบบฟอกอากาศภายในตัว ซึ่งควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสถานที่ และราคาต้องไม่แพงมากจนเกินไป ซึ่งรูปแบบดีไซน์ก็สำคัญ เพราะหากติดแอร์ที่ห้องรับแขก หรือที่ต่างๆแล้วนั้น ความสวยงามก็มีผลต่อสุขภาพจิต และความสามารถในการทำงานเช่นเดียวกัน

5. เลือกประเภทเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม โดยหลักๆแล้วเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์บ้าน ที่นิยมใช้งานกันนั้นมี 2 แบบคือ

5.1 แอร์ติดผนัง เป็นเครื่องปรับอากาศขนาดเล็ก เพราะกับการใช้งานในพื้นที่น้อย เช่นห้องนอน ห้องรับแขก ส่วนมากรูปแบบสวยงาม ติดตั้งง่าย และมีให้เลือกมากมาย แต่ข้อเสียนิดหนึ่งก็คือ ทำงานหนักๆ หรือให้ความเย็นกับห้องใหญ่ๆไม่ค่อยได้

5.2 แอร์แบบตั้งพื้น หรือแอร์แบบแขวน เครื่องปรับอากาศแบบนี้เป็นเครื่องปรับอากาศที่เหมาะสมกับ ห้องขนาดกลาง ไปถึงขนาดใหญ่ ติดตั้งได้สองแบบคือ แขวนบนเพดาน และตั้งพื้น ซึ่งสามารถให้ความเย็นได้ดีมาก แต่ข้อเสียก็คือ เสียงดังไปหน่อย

1200x700-01.jpg

ใช้แอร์อย่างถูกวิธี ประหยัดไฟฟ้า ด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

1. ถ่ายเทความร้อนก่อนเปิดแอร์

ก่อนเปิดแอร์ให้เปิดประตู-หน้าต่าง ให้อากาศภายนอกเข้าไปแทนที่อากาศภายในห้อง เป็นการถ่ายเทความร้อน สัก 15 นาที เพื่อหลีกเลี่ยงการเปิดพัดลมระบายอากาศ และแอร์ไม่ต้องทำงานหนักเกินไป

2. ปิดประตู-หน้าต่างให้สนิท

ปิดประตู-หน้าต่างให้สนิทขณะเปิดแอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศร้อนหรือความชื้นจากภายนอกเข้ามา เพราะจะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนักขึ้น

3. ไม่นำความชื้นเข้าห้องแอร์

ไม่ควรนำความชื้นเข้าไปในห้องแอร์ เช่น ไม่นำผ้าเปียกๆเข้าไปตาก ไม่ควรวางกระถางต้นไม้ ไว้ในห้องที่มีแอร์ และไม่ควรเปิดบานเกล็ดระบายอากาศของประตูห้องน้ำ เพราะไม่เช่นนั้น แอร์จะทำงานหนักในการต้องรีดความชื้นออกจากห้อง ทำให้ต้องสูญเสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ

4. ไม่ควรนำของร้อนเข้าห้องแอร์

ไม่ควรนำของร้อนเข้าไปในห้องแอร์ เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามาก ดังนั้น จึงไม่ควรนำเตาไฟฟ้า หม้อต้มน้ำ หม้อสุกี้ เข้าไปในห้องแอร์ ควรปรุงให้เสร็จในครัว และอนุโลมให้นำมารับประทานในห้องแอร์ได้

5. ตั้้งอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 25°C

ตั้งอุณหภูมิแอร์ต้องไม่ต่ำกว่า 25°C และทดลองตั้งที่ 26-27 องศาเซลเซียส แล้วใช้พัดลมเบอร์ 5 พัดกระจายความเย็น ก็จะช่วยให้ประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 10-30% เลยทีเดียว

6. ล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง

หมั่นล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง โดยช่างผู้ชำนาญทุก 6 เดือน และถอดหน้ากากแอร์ออกมาล้างเองเป็นประจำเดือนละครั้ง เพื่อให้แอร์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีฝุ่นอุดตัน ซึ่งนอกจากช่วยยืดอายุการใช้งานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าไฟได้ถึง 10% เลยทีเดียว

วิธีดูแลรักษา เครื่องปรับอากาศ มีอะไรบ้าง

1. หมั่นทำความสะอาดไส้กรอง/แผ่นกรอง

1200x500-02.jpg

ลองสังเกตให้ดีถ้าบ้านใครอยู่ติดถนนที่มีรถวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน ไส้กรองหรือแผ่นกรอง อากาศในเครื่องปรับอากาศจะสกปรกเร็วเนื่องจากกรองฝุ่นละอองที่ปะปนอยู่ในอากาศรอบบริเวณบ้านที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันนั่นเอง ดังนั้นควรถอดไส้กรองมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง

2. ล้างอัดฉีด (ล้างใหญ่)

1200x500-01.jpg

แอร์ เมื่อผ่านการใช้งานมาซัก 4-6 เดือน ควรจ้างช่างแอร์มาล้างทำความสะอาดคอยล์ร้อนและคอยล์เย็น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้กับเครื่องปรับอากาศ ประหยัดค่าไฟ รวมถึงยืดอายุการใช้งาน

3. เช็คระดับน้ำยาแอร์

1200x500-03.jpg

น้ำยาแอร์คือสารทำความเย็น ไม่มีกลิ่น เป็นองค์ประกอบสำคัญของเครื่องปรับอากาศหากใช้ไปนาน ๆ น้ำยาจะพร่องหรือหมดไป ทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ แอร์ไม่เย็น หรือเย็นช้า ดังนั้นหลังจากล้างใหญ่ ควรให้ช่างตรวจเช็คระดับน้ำยาแอร์ทุกครั้ง

4. สังเกตเสียงดังผิดปกติ

1200x500-04.jpg

เวลาเปิดใช้ เครื่องปรับอากาศ ให้ลองฟังเสียงการทำงานของเครื่อง หากพบเสียงดังผิดปกติควรรีบแจ้งช่างเพื่อทำการแก้ไข ก่อนอาการจะลุกลาม

5. เลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อนในห้องแอร์

1200x400-01.jpg

เพื่อไม่ให้แอร์ทำงานหนักจนเกินไป ไม่ควรใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้ความร้อน อาทิ ไมโครเวฟ หม้อหุ้งข้าว เตาแม่เหล็กไฟฟ้า เตาอบเบเกอรี่ ในห้องแอร์

6. เช็คหน้าต่าง ประตู ว่าปิดสนิทดีแล้ว

1200x500-05.jpg

Just-for-you.jpg