5 วิธีใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบน แบบไหนดีให้ไม่เสื่อมสภาพ
ประสบปัญหาเครื่องซักผ้าเสื่อมไว? เผยวิธีใช้เครื่องซักผ้าฝาหน้า และฝาบน แบบไหนดีให้อยู่นานคงทน ไม่ทำร้ายเครื่องซักผ้าให้เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร!เครื่องซักผ้าถือว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เพราะเราต้องใช้ทำความสะอาดเสื้อผ้ากันอยู่เป็นประจำ ซึ่งตามปกติแล้วทั้งเครื่องซักผ้าฝาหน้ากับแบบฝาบน ล้วนมีอายุการใช้งานที่ยืนยาว แต่หลายคนอาจเกิดข้อสงสัยว่า หากต้องเลือกซื้อเครื่องซักผ้าสักเครื่องควรเลือกซื้อเครื่องซักผ้าฝาหน้าหรือฝาบน แบบไหนดีกว่ากันในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งาน
แต่แท้จริงแล้ว ในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานนั้น ยังจะขึ้นอยู่กับวิธีการใช้เครื่องซักผ้าของเราด้วย สำหรับในบทความนี้ เราจะพาคุณไปรู้ถึง 5 วิธีที่ควรหลีกเลี่ยงในการใช้เครื่องซักผ้า เพื่อให้ใช้งานได้อย่างยาวนานกัน
1. ใช้เครื่องซักผ้าหนักเกินกว่าความจุที่รองรับได้
เครื่องซักผ้าทุกเครื่อง จะมีการกำหนดปริมาณที่เหมาะสมกับขนาดถังซักมาให้อยู่แล้วในคู่มือ ซึ่งก่อนจะซื้อเครื่องซักผ้าฝาบนหรือฝาหน้าก็ตาม ควรดูด้วยว่าเหมาะสมกับการใช้งานของสมาชิกภายในบ้านหรือไม่ โดยสามารถกะปริมาณคร่าว ๆ ด้วยความจุของปริมาณเสื้อผ้าได้ดังนี้
- ความจุ 5 - 6.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 25 - 30 ชิ้น
- ความจุ 7 - 8.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 36 - 45 ชิ้น
- ความจุ 9 - 10.9 กิโลกรัม ซักเสื้อผ้าได้ประมาณ 46 - 65 ชิ้น
- ความจุ 11 กิโลกรัมขึ้นไป ซักเสื้อผ้าได้ที่ 56 ชิ้นขึ้นไป
การใส่เสื้อผ้าหนักเกินจำนวนที่ระบุไว้ นอกจากจะทำให้ตัวเครื่องต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น จนส่งผลต่ออายุการใช้งานให้สั้นลงของเครื่องซักผ้าแล้ว ยังจะส่งผลต่อความสะอาดของเสื้อผ้า เนื่องจากจะทำให้เสื้อผ้าต้องเบียดเสียดกันจนแน่น ทำให้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกไม่สามารถเข้าไปทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. เติมน้ำยาซักผ้า หรือ ผงซักฟอกเยอะเกินไป
หลายคนอาจมีความเข้าใจที่ผิดว่าการใช้น้ำยาซักผ้า หรือ ผงซักฟอกในปริมาณที่เยอะ จะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าได้มากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วหากใส่มากเกินกว่าสัดส่วนของเสื้อผ้า จะทำให้น้ำยาซักผ้า หรือ ผงซักฟอกถูกใช้ในการซักไม่หมด จนอาจทำให้เกิดเป็นคราบติดบนเสื้อผ้า ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนมากกับผ้าสีเข้ม
นอกจากนี้การใช้น้ำยาซักผ้าหรือผงซักฟอกมากเกินไป ยังอาจทำให้ช่องใส่น้ำยา ที่กรอง และท่อน้ำของเครื่องซักผ้าเกิดการอุดตัน จนทำให้เสื้อผ้าไม่สะอาด รวมถึงเป็นการขัดขวางเครื่องซักผ้าไม่ให้ทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย
3. ไม่ตรวจเสื้อผ้าให้ดีก่อนนำใส่เครื่อง
ก่อนนำเสื้อผ้าใส่เครื่องซักผ้า ควรแยกประเภทของเสื้อผ้าและตรวจสอบเสื้อผ้าเสียก่อน เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันปัญหาเสื้อผ้าสีตกและช่วยถนอมเนื้อผ้าแล้ว การตรวจเสื้อผ้าว่าไม่ได้ลืมอะไรเอาไว้ทั้งในกระเป๋ากาเกงหรือกระเป๋าเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ ปากกา หรือแม้แต่ลูกอม เพราะหากหลุดออกมาจากเสื้อผ้าในขณะซัก อาจทำให้เกิดแรงเหวี่ยงจนเครื่องซักผ้าเสียหายได้ โดยเฉพาะเครื่องซักผ้าฝาหน้าที่เป็นกระจก ส่วนกระดาษทิชชูก็อาจทำให้เกิดขุย และเข้าไปติดในซอกต่าง ๆ ของเครื่องซักผ้าได้
ที่สำคัญคือควรรูดซิปเสื้อผ้าขึ้นก่อนใส่เครื่องซักผ้าด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้ซิปไปเกี่ยวกับเสื้อตัวอื่น ๆ หรือไปขีดข่วนด้านในของถังซักผ้า แนะนำว่าให้เลือกใช้ถุงตาข่ายเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เกิดปัญหานี้
4. ปิดฝาเครื่องซักผ้าไว้ตลอดเวลา
หลายครั้งที่เราคิดว่า หลังจากการใช้งานเครื่องซักผ้าทั้งแบบฝาหน้าและแบบฝาบน ควรที่จะต้องปิดฝาไว้ตลอดเวลา เพราะจะช่วยป้องกันแมลงหรือสัตว์เล็ก ๆ ได้ แต่ในความจริงแล้วการปิดฝาเครื่องซักผ้าเอาไว้ตลอดเวลาหลังจากใช้งานเสร็จ อาจทำให้เกิดความชื้นสะสม อันเป็นสาเหตุของกลิ่นอับ รวมถึงการเกิดเชื้อรา โดยเฉพาะที่ขอบยาง และตามส่วนอื่นที่อาจมองไม่เห็น
ดังนั้นเมื่อใช้เครื่องซักผ้าเสร็จแล้ว ควรรีบนำผ้าออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น และทำการเช็ดขอบยางให้แห้ง เพราะเป็นส่วนที่ขึ้นราได้ง่าย อาจอาจทำให้ขอบยางรั่ว จากนั้นให้เปิดฝาเครื่องซักผ้าเอาไว้ เพื่อให้เกิดการระเหย และเมื่อเครื่องซักผ้าแห้งจึงค่อยปิดฝา
5. ไม่ทำความสะอาดเครื่องซักผ้าเลย
ถึงแม้ว่ากระบวนการซักผ้าของทั้งเครื่องซักผ้าฝาหน้ากับเครื่องซักผ้าฝาบนจะดูเหมือนได้รับการล้างไปพร้อมกับการซักผ้าแล้ว แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่เลย จึงควรทำความสะอาดเครื่องซักผ้าด้วยการเอาเศษผงหรือเศษผ้าออกทุกครั้งหลังการซักผ้า และควรทำความสะอาดช่องใส่น้ำยาซักผ้าและช่องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่ม ด้วยการเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำอุ่น เพื่อไม่ให้เกิดการอุดตันหรือมีคราบสะสม
หรืออาจทำความสะอาดด้วยการเปิดโปรแกรมซักน้ำร้อนเดือนละครั้ง โดยไม่ต้องใส่ผงซักฟอกหรือส่วนผสมอื่น ๆ แต่อาจเติมน้ำส้มสายชูใสลงไป 1-2 ถ้วยตวงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่น และฆ่าเชื้อโรค
เฝ้าระวัง สัญญาณแดงจากเครื่องซักผ้า
หรือใครที่ใช้เครื่องซักผ้ามาได้สักระยะ สามารถสังเกตความผิดปกติของเครื่องด้วยการเฝ้าระวังสัญญาณจากทั้งเครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือแบบฝาบนที่มีอาการเหล่านี้
- เกิดการสั่นสะเทือน
- ส่งเสียงผิดปกติ
- มีกลิ่นไม่พึงประสงค์
- ค่าน้ำค่าไฟสูงขึ้นผิดปกติ
- เสื้อผ้าไม่สะอาดเหมือนเคย
หากเครื่องซักผ้าของคุณเริ่มออกอาการ หรือส่งสัญญาณแสดงถึงประสิทธิภาพที่ไม่เหมือนเดิม สามารถมาเลือกซื้อเครื่องซักผ้าฝาหน้า กับเครื่องซักผ้าฝาบนได้ที่ Siam T.V. ศูนย์รวมเครื่องซักผ้าราคาประหยัดได้ทั้ง 4 สาขา หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง เรามีบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน