แชร์ 7 ไกด์ไลน์ อ่านค่าสถิติต่างๆ บนสมาร์ทวอทช์
ด้วยเทรนด์สุขภาพที่มาแรง ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อสมาร์ทวอทช์รุ่นที่ออกมาใหม่ๆ อย่าง Huawei WATCH GT 3 Series ไว้เป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพ แต่น้อยคนที่จะใช้ฟีเจอร์ในสมาร์ทวอทช์อย่างเต็มที่ และขาดความเข้าใจเรื่องค่าสถิติต่างๆ บนแอปฯ บทความนี้จะแชร์เทคนิคการใช้งานแอปฯ Huawei Health รวมถึงแอปฯ ติดตามการออกกำลังกายอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ หรือรู้แต่ไม่เคยได้ใช้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างมือโปรโดยไม่ต้องพึ่งเทรนเนอร์ มาเริ่มด้วยด้วยเทรนด์สุขภาพที่มาแรง ทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อสมาร์ทวอทช์รุ่นที่ออกมาใหม่ๆ อย่าง Huawei WATCH GT 3 Series ไว้เป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพ แต่น้อยคนที่จะใช้ฟีเจอร์ในสมาร์ทวอทช์อย่างเต็มที่ และขาดความเข้าใจเรื่องค่าสถิติต่างๆ บนแอปฯ บทความนี้จะแชร์เทคนิคการใช้งานแอปฯ Huawei Health รวมถึงแอปฯ ติดตามการออกกำลังกายอื่นๆ ที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ หรือรู้แต่ไม่เคยได้ใช้อย่างเต็มที่ เพื่อให้ออกกำลังกายได้อย่างมือโปรโดยไม่ต้องพึ่งเทรนเนอร์ มาเริ่มด้วย
-
Pace คือเวลาที่เราใช้ในการวิ่งเป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร โดยบอกหน่วยเป็นนาที เช่น เวลาคนวิ่งเก่งๆ เขาคุยกันว่า “เธอวิ่งเพซเท่าไหร่ เราวิ่งเพซ 6 นะ” ก็จะเข้าใจได้โดยทันทีว่าเขาคนนั้นใช้เวลา 6 นาทีสำหรับการวิ่ง 1 กิโลเมตร หรือถ้าเราเพิ่งเริ่มวิ่งวันแรกแล้วยังกึ่งเดินกึ่งวิ่งจนได้เพซ 12 เราก็รู้ตัวแล้วว่าเราใช้เวลา 12 นาทีกว่าจะได้ระยะ 1 กิโลเมตร
-
Cadence แปลตรงตัวคือจังหวะ แต่พอมาเป็นศัพท์วิ่งแล้วหมายถึง “รอบขา” หรืออัตราการก้าวเท้าต่อนาที ซึ่งฟังดูคล้ายกับเพซ แต่ต่างกันตรงที่ Cadence จะมีหน่วยเป็น SPM หรือ steps per minute คือจำนวนก้าวต่อนาทีนั่นเอง โดยนับจากการก้าวขาทั้งสองขา ทำให้เรารู้ตัวว่าไม่ได้แช่เท้านาน หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บของข้อเท้าได้
-
Stride คือระยะการก้าวขา ซึ่งใช้หน่วยเป็นเซนติเมตร (cm) เป็นตัวบ่งบอกว่าเราก้าวขาสั้นยาวอย่างไร ซึ่งสัมพันธ์กันกับ Cadence โดยมีข้อแนะนำให้ก้าวในระยะที่เหมาะสม ไม่ควรก้าวให้ยาวเกินไปเพราะจะทำให้บาดเจ็บได้
-
Heart Rate คำนี้อาจคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว นั่นก็คืออัตราการเต้นของหัวใจ ซึ่งใช้หน่วยเป็น BPM หรือ beat per minute เวลาทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกายอัตราเฉลี่ยควรจะอยู่ที่ 60-100 BPM แต่ในเวลาออกกำลังกายหัวใจก็จะเต้นเร็วขึ้น มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน รวมถึงความหนักเบาของการออกกำลังกาย และหากจะออกกำลังกายให้ได้เต็มประสิทธิภาพ ก็ควรลองทำความเข้าใจ Heart Rate Zone หรือการระบุช่วง Heart rate ไว้ด้วย ซึ่งการแบ่งโซนนี้จะแตกต่างกันไปตามช่วงอายุ แต่โดยหลักแล้วสามารถแบ่งเป็น 5 โซนดังนี้
- Zone 1: Warm-upหรือ Basic Zone คืออัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 50-60% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด มักอยู่ในช่วงวอร์มอัปหรือคูลดาวน์
- Zone 2: Fat Burning หมายถึงอัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 60-70% ซึ่งร่างกายเริ่มเผาผลาญไขมันแล้ว
- Zone 3: Aerobic หรือ Intense คืออัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 70-80% เราจะเริ่มรู้สึกว่าหายใจหนักหน่วงขึ้น เป็นโซนที่เผาผลาญไขมันได้ดี เหมาะกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ
- Zone 4: Anaerobic หรือ Tempo Exercise Zone หมายถึงอัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 80-90% ซึ่งจะออกอาการเหนื่อยหอบ แต่จะทำให้วิ่งได้อึดขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการทำความเร็ว
- Zone 5: Extreme หรือ Red Line Zone หมายถึงอัตราการเต้นของหัวใจประมาณ 90-100% ปกติแล้วคนที่วิ่งในโซนนี้ได้ควรจะเป็นมืออาชีพและต้องการความเร็วสูงในระยะสั้น เช่น การวิ่งแข่ง 100-400 เมตร
-
Elevation คือค่าความชัน ซึ่งส่วนมากจะปรากฏชัดเจนในโหมดวิ่งเทรล แต่หลายแอปฯ รวมถึง Huawei Health แม้เป็นการวิ่งกลางแจ้งตามปกติจะก็แสดงค่า Elevation gain และ Elevation loss ให้อยู่เสมอทั้งในรูปแบบกราฟและตัวเลข
-
Calories คืออัตราการเผาผลาญจากการออกกำลังกาย โดยมีหน่วยเป็น kcal หรือกิโลแคลอรีนั่นเอง
-
VO2Max คือ วิธีการวัดศักยภาพของร่ายกายในการใช้ออกซิเจน หากค่า VO2Max มากเท่าไหร่ ก็หมายความว่าประสิทธิภาพการออกกำลังกายก็ดีขึ้นเท่านั้น