วิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศ

เลือกเครื่องฟอกอากาศที่ดีและมีประสิทธิภาพมาใช้งานเหมาะสมกับบ้าน
14 ธันวาคม 2021

เป็นที่รู้กันดีว่า เครื่องฟอกอากาศ เป็นตัวช่วยสำคัญที่ช่วยตรวจจับฝุ่น PM 2.5 ที่เห็นผลได้ชัดเจนที่สุดในตอนนี้ แม้ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็เป็นการป้องกันสุขภาพที่ควรได้รับการพิจารณาเป็นอันดับแรก ซึ่ง วิธีเลือกเครื่องฟอก อากาศที่ดีและมีประสิทธิภาพมาใช้งานในบ้าน มีหลักในการพิจารณาง่ายๆ ดังนี้

1. ขนาดพื้นที่ห้อง

ควรเลือกขนาดเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่ห้องและสถานที่ที่จะใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนหรือห้องรับแขก เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นจะบอกประสิทธิภาพสูงสุดในการทำงาน เช่น ครอบคลุมพื้นที่ได้ 19 ตารางเมตร หรือ 40 ตารางเมตร ดังนั้นเราจึงต้องรู้และคำนวณพื้นที่ของห้องก่อนจะไปซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่าพื้นที่ห้องที่เราใช้งานจริง จะได้ไม่ต้องเสียเงินเปล่าโดยใช่เหตุ

1200x600.jpg

2. ระบบกรองอากาศหรือไส้กรอง

ระบบกรองอากาศเปรียบเสมือนหัวใจของเครื่องฟอกอากาศ ไม่ว่าจะเป็นระบบกรองอากาศแบบ HEPA ที่สามารถดักจับอนุภาคที่มีขนาดเล็ก 0.3 ไมครอน ช่วยให้อากาศภายในบ้านสะอาดสดชื่น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ หรือระบบกรองอากาศที่ใช้การปล่อยประจุลบออกมาจับฝุ่นละอองหรืออนุภาคขนาดเล็กที่เป็นประจุบวกให้ตกลงสู่พื้น ไม่ฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ

1200x600-2.jpg

ดังนั้นให้พิจารณาคุณสมบัติของระบบกรองแบบใดที่ตอบโจทย์และตรงกับความต้องการของเรา รวมถึงฟังก์ชันเสริมต่างๆ ว่ามีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด เช่น การแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง หรือตรวจสอบการทำงานและสั่งงานผ่านแอพพิเคชันได้ เพราะสิ่งที่กล่าวมานี้มีผลทำให้เครื่องฟอกอากาศมีราคาแตกต่างกันพอสมควร

3. ค่า CADR

CADR (Clean Air Delivery Rate) หรือ ค่าตัวเลขที่ได้จากการวัดปริมาณอากาศที่ระบบฟอกอากาศ สามารถทำความสะอาดอากาศที่ปนเปื้อน เช่น ควันบุหรี่ ฝุ่นละออง หรือละอองเกสรดอกไม้ได้ในช่วงเวลาหนึ่งนาที โดยค่า CADR นี้ ตัวเลขยิ่งมากเท่าใด แสดงว่าประสิทธิภาพการกรองยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ซึ่งค่านี้จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หากเครื่องฟอกอากาศที่ต้องการซื้อมีการใช้แผ่นกรองที่มีคุณภาพเท่าๆกัน เราก็สามารถดูค่า CADR ได้จากข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือคู่มือการใช้งานของเครื่องฟอกอากาศ

1200x600-3.jpg

4. ค่า Airflow หรือ Air Volume

Airflow หรือค่าความเร็วลมจากปริมาณของอากาศที่ถูกดูดและปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาจากเครื่องฟอกอากาศ หากตัวเลขค่า Airflow ยิ่งมาก ก็หมายความว่า เครื่องฟอกอากาศรุ่นนั้นมีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้เราสูดอากาศบริสุทธิ์ได้เร็วยิ่งขึ้น โดยเราสามารถดูค่า Airflow ได้จากข้อมูลพื้นฐานของตัวเครื่อง ดังนั้นถ้าต้องใช้เครื่องฟอกอากาศกับห้องใหญ่ และอยากให้ฟอกอากาศได้เร็วๆ ควรพิจารณาค่านี้เป็นกรณีพิเศษ

5. ระดับเสียง

เสียงของเครื่องฟอกอากาศที่ดังจากการปรับระดับแรงลมนั้นคงไม่ใช่ปัญหา ถ้าเราวางเครื่องไว้ในห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น แต่ถ้าต้องวางไว้ในห้องนอน แนะนำให้มองหาเครื่องฟอกอากาศที่มีระดับเสียงต่ำขณะทำงาน (ยิ่งเงียบยิ่งดี) โดยระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-35 เดซิเบล จะได้ไม่รบกวนการนอนหลับ

วิธีการใช้เครื่องฟอกอากาศ

1. ก่อนการใช้งานครั้งแรก

ต้องดึงฝาหลังเครื่องออก และนำไส้กรองอากาศทั้งหมดออกมา แกะพลาสติกที่ห่อหุ้มออก และบรรจุแผ่นไส้กรองอากาศแต่ละชิ้นเข้าไปในเครื่องใหม่ โดยเรียงจากด้านในสุดออกมาด้านนอกสุด ตามลำดับ ดังนี้ HEPA Filter, Activated Carbon Filter, Charcoal Filter และ Pre-Filter

2. อายุการใช้งานของไส้กรอง

1200x600-4.jpg

3. วิธีการใช้งาน และการแสดงค่าต่างๆ บนแผงควบคุมแบบสัมผัส

  • ปุ่มเปิด-ปิด สัมผัสปุ่มนี้เพื่อเปิด หรือปิดเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องแล้ว ภายใน 30 วินาที ที่หน้าต่างอุณหภูมิ จะแสดงอุณหภูมิในขณะนั้น และจะสลับไปแสดงค่าความชื้นในอีก 30 วินาที สลับกันเช่นนี้เรื่อยไป
  • ปุ่มความเร็วลม และโหมดอัตโนมัติ เมื่อเปิดเครื่อง ความเร็วลมจะอยู่ที่ระดับ 1 สัมผัสปุ่มความเร็วลมทีละครั้งความเร็วลมจะเพิ่มขึ้นไปเป็นระดับ 2 และ 3 ตามลำดับ สัมผัสปุ่มอีกครั้งความเร็วลมจะไปอยู่ในโหมดอัตโนมัติ โดยโหมดอัตโนมัตินี้เครื่องจะทำงานปรับระดับความเร็วลมตามคุณภาพอากาศในขณะนั้น
  • ปุ่ม Sleep สัมผัสเมื่อต้องการให้เครื่องทำงานเบา และเงียบที่สุด เช่นในขณะนอนหลับ และสัมผัสปุ่มอีกครั้งถ้าต้องการออกจากโหมดนี้
  • ปุ่มปรับเวลา
  • ช่องแสดงอุณหภูมิ และความชื้น จะแสดงสลับกันไป ทุกๆ 30 วินาที
  • ช่องแสดงค่าฝุ่นละอองในอากาศที่มีขนาดเล็กกว่า PM2.5 แสดงเป็นตัวเลข 6 ระดับ โดยที่ระดับ 1 คือ หมายถึง คุณภาพอากาศดีที่สุด จนถึงระดับ 6 หมายถึง คุณภาพอากาศแย่ที่สุด
    คุณสามารถตั้งเวลาให้เครื่องปิดเองได้ 3 ช่วงเวลาทำงาน คือ 2 ชั่วโมง, 4 ชั่วโมง และ 8 ชั่วโมง คุณสามรถยกเลิกการตั้งค่านี้ได้ โดยกดปุ่มนี้จนกระทั่งไฟที่ปุ่มดับลง
  • ปุ่ม ANION เมื่อเครื่องเปิดอยู่ สัมผัสปุ่มนี้ถ้าต้องการให้ระบบสร้าง ANION ของเครื่องทำงาน  และสัมผัสปุ่มอีกครั้งถ้าต้องการออกจากโหมดนี้
  • ปุ่ม Key Lock เมื่อสัมผัสปุ่มนี้ ปุ่มควบคุมทั้งหมดจะถูกล๊อคไว้ไม่ให้ทำงาน แนะนำให้ใช้กับบ้านที่มีเด็กๆที่อาจจะมาเล่นเครื่องได้ และถ้าหากต้องการออกจากโหมดนี้สัมผัสปุ่มนี้ค้างไว้ประมาณ 3 วินาที

4. การเปลี่ยนใส้กรองต่างๆ และการตั้งค่าใหม่เมื่อเปลี่ยนใส้กรอง

4.1 การเปลี่ยนไส้กรองเมื่อมีไฟเตือน
เมื่อมีไฟสัญญาณกระพริบที่ไส้กรองตัวใด ให้เปลี่ยนไส้กรองตัวนั้น เมื่อเปลี่ยนไส้กรองแล้วไฟก็ยังจะกระพริบอยู่เหมือนเดิม คุณจะต้องทำการ Reset โดยกดปุ่ม Filter  จนกระทั่งไฟสัญญาณที่กระพริบอยู่นั้นนิ่ง และหลังจากนั้นกดปุ่ม Filter ค้างไว้ 3 วินาที ไฟสัญญาณเตือนของไส้กรองตัวนั้นจะดับลง แสดงว่า Reset เสร็จเรียบร้อยแล้ว
4.2 การเปลี่ยนไส้กรองโดยที่ยังไม่มีสัญญาณไฟกระพริบเตือน
ถ้าคุณได้เปลี่ยนไส้กรอง เพราะเครื่องใช้งานอยู่ในสภาพอากาศที่เป็นฝุ่นมาก และยังไม่มีสัญญาณไฟกระพริบเตือน การ Reset ไส้กรองให้ทำดังนี้

  • เสียบปลั๊กไฟ แต่ไม่ต้องกดปุ่มเปิดเครื่อง
  • กดปุ่ม Filter ค้างไว้ ไฟกระพริบจะแสดงที่หน้าจอ Filter ทั้ง 4 ตัว
  • กดปุ่ม Filter เพื่อเลือกตัวไส้กรองที่ได้เปลี่ยนแล้ว และจะทำการ Reset โดยตัวที่คุณเลือกคือตัวที่เปลี่ยนจากไฟกระพริบเป็นไฟนิ่ง
  • กดปุ่ม Filter ค้างไว้ 3 วินาที ไฟสัญญาณนั้นจะดับไป แสดงว่า Reset เสร็จเรียบร้อยแล้ว
  • ถ้าคุณเปลี่ยนไส้กรองมากกว่า 1 ตัว ให้ทำซ้ำตามขั้นตอนที่ 4.2.3

1200x600-5.jpg

ดูแลและใช้งานเครื่องฟอกอากาศ อย่างไร ให้อากาศในห้องสดชื่นได้เต็มที่

อยากสูดอากาศสะอาดบริสุทธิ์ได้อย่างเต็มที่หลังจากมีเครื่องฟอกอากาศมาตั้งไว้ประจำห้องแล้ว ก็ต้องดูแลรักษาและใช้งานอย่างถูกวิธี เพื่อให้ผู้ช่วยดักจับฝุ่นของเราทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยค่ะ ดูแลเครื่องฟอกอากาศ

เพราะลำพัง แค่การนำเครื่องฟอกอากาศ มาตั้งและเปิดใช้งานไปเรื่อย ๆ นั้น ก็อาจไม่ได้ช่วยให้อากาศภายในห้องสะอาดขึ้นได้ อย่างเต็มที่ แต่ก็อย่าลืมที่จะใส่ใจ ดูแลเรื่องความสะอาด ของแผ่นกรอง หรือ พื้นที่การใช้งาน รวมไปถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่จะส่งผลให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถใช้งานไปได้อีกนาน ๆ ด้วย ซึ่งแต่ละข้อที่ my home นำในวันนี้ ก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถทำงานได้ดีขึ้นได้ โดยไม่ยากเย็นเลยค่ะ ดูแลเครื่องฟอกอากาศ

1. เปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อถึงเวลา

ส่วนที่สำคัญและเป็นเหมือนหัวใจของเครื่องฟอกอากาศก็คือแผ่นกรองด้านในหรือแผ่นกรอง HEPA นั่นเอง แผ่นกรองชั้นนี้จะเป็นเส้นใยที่มีความละเอียด สามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กอย่าง PM 2.5 และแบคทีเรียได้ โดยจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับว่ามีการเปิดใช้งานมาน้อยหรืออยู่ในพื้นมีมลพิษหนาแน่นแค่ไหน โดยพื้นฐานเมื่อแผ่นกรองเริ่มเสื่อมคุณภาพก็จะมีโหมดการแจ้งเตือนจากเครื่องฟอกอากาศ เมื่อถึงเวลาจะต้องหาแผ่นกรองชิ้นใหม่มาสับเปลี่ยนเข้าไป ไม่สามารถถอดออกมาล้างทำความสะอาดเองได้ค่ะ

2. ดูแลแผ่นกรองคาร์บอน

สำหรับเครื่องฟอกอากาศบางตัวที่มีฟังก์ชันการกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์นั้นก็จะมีแผ่นกรองคาร์บอน (Carbon filter) เพิ่มมาอีกชั้น ซึ่งจะมีลักษณะเป็นแผ่นสีดำ ๆ เนื่องจากมีส่วนผสมของถ่านนั่นเองค่ะ แผ่นกรองชั้นนี้จะมีหน้าที่ช่วยดูดซับทั้งกลิ่นอับ กลิ่นอาหาร ควันบุหรี่ ฯลฯ เมื่อใช้งานไปได้สักประมาณ 3 เดือนก็จะถึงเวลาที่ควรนำออกมาเคาะหรือปัดฝุ่นออก ส่วนอายุการใช้งานแผ่นกรองชั้นนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี ก็ควรเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการการกำจัดกลิ่นได้ดีขึ้น

3. ทำความสะอาดตาข่ายด้านนอกอย่างสม่ำเสมอ

ภายนอกเครื่องฟอกอากาศจะมีแผ่นตาข่าย หรือ ฟองน้ำสำหรับดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นด่านแรกในการเปลี่ยนอากาศที่เข้ามาให้สะอาดบริสุทธิ์ นั่นหมายความว่าตรงจุดนี้ก็เป็นอีกส่วนสำคัญไม่แพ้กัน การทำความสะอาดแผ่นตาข่ายชั้นนอกนั้น ไม่มีระยะเวลาที่ตายตัว แค่ต้องคอยใส่ใจและสังเกตว่ามีฝุ่นจับตรงส่วนนี้มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากเริ่มมีฝุ่นจับตัวหนาจนเห็นได้ชัดก็ควรถอดไปล้างทำความสะอาดได้โดยอาศัยแปรงปัดฝุ่น หรือ ล้างด้วยน้ำสะอาดตามปกติ จากนั้นจึงเช็ด หรือ ตากให้แห้งก่อนนำไปประกอบกลับตามเดิมค่ะ

4. อย่าลืมทำความสะอาดภายนอกเครื่อง

การทำความสะอาดตัวเครื่องด้านนอกก็สำคัญไม่แพ้การทำความสะอาดแผ่นกรองแต่ละชั้นเหมือนกันค่ะ สำหรับชิ้นส่วนเครื่องที่เป็นพลาสติกนั้น แค่ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดมาเช็ดคราบหรือใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดมาเช็ดก็เพียงพอค่ะ แต่ส่วนที่ต้องดูแลเป็นพิเศษนั้นก็คือบริเวณช่องที่ปล่อยอากาศให้ผ่านออกมา ตรงจุดนี้จะมีลักษณะเหมือนแผ่นตะแกรงที่ซ้อนทับกันไป ทำให้ฝุ่นสามารถเข้าไปเกาะและสะสมได้ ยิ่งถ้าหากไม่ได้ใช้งานหรือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ฝุ่นที่กองรวมกันอยู่จุดนี้ก็จะฟุ้งกระจายเมื่อเปิดใช้งาน แทนที่จะได้อากาศที่สะอาดสดชื่นก็กลับต้องสูดดมฝุ่นจากตรงนี้เข้าไปแทน
1200x600-6.jpg

5. ใช้งานเครื่องฟอกอากาศในพื้นที่ปิด

ดูแลเครื่องฟอกอากาศ เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
การเปิดห้องให้โล่ง เป็นระยะเพื่อระบายอากาศนั้น เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ใช่กับช่วงเวลาที่เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศแน่นอนค่ะ เพราะเครื่องฟอกอากาศนั้น จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ก็ต่อเมื่ออยู่ภายในห้องปิดที่มีอากาศเข้าออกไม่มาก ตัวเครื่องจะสามารถดึงอากาศภายในห้องมาทำให้สะอาด และปล่อยออกไปหมุนเวียนภายในห้องได้ ถ้าหากใช้ในพื้นที่เปิดก็จะยิ่งมีการใช้กำลังในการดึงอากาศเข้ามามาก ฟิลเตอร์ก็จะยิ่งทำงานหนักเพราะอากาศที่ปนเปื้อนจากภายนอกจะเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่ขาด ซึ่งนั่นเป็นจุดที่เกินกำลังของเครื่องฟอกอากาศค่ะ
1200x600-7.jpg

6. จัดเครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศให้อยู่คนละมุม

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
เครื่องฟอกอากาศและเครื่องปรับอากาศ จะใช้หลักการดึงอากาศรอบ ๆ เข้าไปเหมือนกัน ถ้าหากตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้ง 2 ประเภทนี้ใกล้กันมากเกินไป ก็จะทำให้เกิดการแย่งอากาศกันแทนที่จะช่วยกันกรองหรือกระจายอากาศออกไป และโดยส่วนมากเครื่องปรับอากาศจะมีแรงดูดมากกว่า ถ้านำเครื่องฟอกอากาศไปตั้งไว้ใกล้ ๆ ก็คงมีกำลังไม่พอที่จะดึงอากาศภายในห้องเข้าไปทำความสะอาดแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้เครื่องฟอกอากาศทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถดึงอากาศรอบ ๆ เข้ามาทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ก็ควรจัดวางให้อยู่คนละมุมกับเครื่องปรับอากาศจะดีที่สุดค่ะ

7. ใช้งานในมุมที่อากาศถ่ายเทสะดวก

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
การทำให้เครื่องฟอกอากาศนั้น สามารถดึงอากาศทั้งห้องเข้ามาทำความสะอาดได้อย่างเต็มที่ ก็คือการวางตัวเครื่องไว้ในตำแหน่งกลางห้อง หรือ ในมุมที่อากาศหมุนเวียนได้ดี ไม่ควรอยู่ระหว่างซอกตู้ซอกโต๊ะ หรือ มีเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ ๆ มาขวางทางเข้าออกของอากาศ รวมไปถึงควรตั้งให้ห่างจากกำแพง แล ะมุมที่มีฝุ่นสะสมอย่าง ชั้นวางหนังสือ พรม หรือ ผ้าม่านด้วยค่ะ แม้เครื่องฟอกอากาศจ ะไม่สามรถดึงฝุ่นละอองที่จับตัวกันตามพื้นผิวต่าง ๆ ออกมาได้โดยตรง แต่แรงดันของอากาศที่ผ่านเข้าออกบริเวณนั้นก็มีผลทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากกว่าเดิมได้ โดยอย่างน้อยควรเว้นระยะห่างออกมาประมาณครึ่งฟุต หรือ 1 ฟุตเป็นอย่างต่ำ

8. เลือกเครื่องฟอกอากาศให้พอดีกับขนาดห้อง

เครื่องฟอกอากาศล้างยังไง เครื่องฟอกอากาศสกปรก ดูแลเครื่องฟอก เครื่องฟอกอากาศ
อีกปัจจัยที่จะช่วยให้เครื่องฟอกอากาศ ไม่ทำงานหนักจนเกินไป ก็คือการใช้เครื่องฟอกอากาศให้เหมาะสมกับพื้นที่ หรือ ขนาดของแต่ละห้อง เพราะเครื่องฟอกอากาศแต่ละตัวนั้น จะถูกออกแบบมาให้มีกำลังที่ต่างกัน จึงเหมาะกับพื้นที่ที่ต่างกันออกไป ควรวางแผนหรือ ต้องรู้ก่อนเสมอว่าเครื่องฟอกอากาศที่ใช้งาน เหมาะกับห้องไม่เกินกี่ตารางเมตร และควรเลือกเครื่องฟอกอากาศให้มีกำลังที่มากกว่าขนาดของห้องเล็กน้อย เพราะถ้าหากนำเครื่องฟอกไปไว้ในห้องที่กว้างเกินกว่าเครื่องจะรับไหว ก็จะทำให้เครื่องทำงานหนักเกินไปจนอาจเสื่อมสภาพเร็ว แถมอากาศที่ได้ก็ยังไม่สะอาดบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ด้วยค่ะ

recommended-for-you.jpg