วิธีการเลือกซื้อโทรศัพท์ หรือ สมาร์ทโฟนที่ดีที่สุด

โทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น Apple (iPhone) หรือ Android 
10 ธันวาคม 2021

วิธีซื้อโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุด

1200x600.jpg

โทรศัพท์มือถือ หรือ สมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็น Apple (iPhone) หรือ Android ใคร ๆ ต่างก็อยากได้สมาร์ทโฟนคุณภาพในราคาย่อมเยากันทั้งนั้น โดยเฉพาะ Android ที่มีตัวเลือกหลากหลายยี่ห้อ วันนี้เราจะมาบอกถึงเคล็ดลับที่จะเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ดีและแบรนด์ใดที่น่าเชื่อถือที่สุด โดยมีราคาที่เหมาะสมกับคุณภาพให้คุณได้รู้จักวิธีการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่ถูกต้องกันนะคะ

ปัจจุบันนี้โทรศัพท์มือถือได้เข้ามาแทนที่กล้องถ่ายรูป มันสามารถใช้สื่อสาร แจ้งเตือน และให้ความบันเทิงได้หลากหลาย ทั้งยังมีแบตเตอรี่ที่ยาวนาน แม้ว่ามันอาจจะไม่ใช่กล้องถ่ายรูปที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับคุณภาพของกล้องถ่ายรูปจริง ๆ แต่มันก็ทำหน้าที่ได้ดี และมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากกว่า จึงไม่แปลกใจที่สมาร์ทโฟนจะเป็นที่นิยมอย่างมาก

ราคาของโทรศัพท์มือถือ สมาร์ทโฟน

1. โทรศัพท์มือถือ ระดับพรีเมี่ยม

1200x400-02.jpg

หากคุณต้องการรุ่นพรีเมี่ยมระดับตัว Top ของ Apple, Samsung หรือ Huawei อย่างน้อย ๆ ก็จะมี ราคา 25,000-30,000 บาท เป็นอย่างต่ำ (ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์) โทรศัพท์พวกนี้มักมาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่และโทคโนโยลีรุ่นล่าสุด เช่นการจดจำใบหน้า, การชาร์จที่รวดเร็ว, การชาร์จแบบไร้สาย และการป้องกันการรั่วซึม

คุณสมบัติหลักของโทรศัพท์ระดับพรีเมี่ยมมักจะอยู่ที่กล้อง ดังนั้นการเลือกซื้อก็ต้องเน้นไปที่มีเลนส์หลากหลายรวมถึงเทเลโฟโต้ (telephoto) และมีเลนส์กว้างเป็นพิเศษ หากคุณเป็นเซลฟี่ที่ชอบถ่ายรูป เราแนะนำบทความมือถือ ยี่ห้อไหนถ่ายรูปสวยที่สุดบทความนี้เลยค่ะ ที่ตอบโจทย์ได้ดีที่สุด  และที่สำคัญอย่าลืมหาไม้ถ่ายเซลฟี่ดี ๆ ไว้ใช้ควบคู่กับการเซลฟี่ด้วยนะ

2. โทรศัพท์มือถือ ระดับกลาง

1200x400-03.jpg

หากเป็นโทรศัพท์มือถือระดับกลาง ความสามารถและคุณสมบัติด้านการถ่ายรูปต้องลดลงไป เพื่อให้สามารถประหยัดงบประมาณลงมาได้ แต่คุณยังสามารถได้โทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยีเจ๋ง ๆ ได้ อาทิเช่น คุณภาพของหน้าจอที่ดี อายุการใช้งานแบตเตอรี่ และคุณสมบัติที่มีประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย ราคาก็จะอยู่ที่ 8,000-15,000 บาท

3. โทรศัพท์ราคาประหยัด

1200x400-04.jpg

การหาโทรศัพท์ในราคาที่ประหยัดนั้น ควรจะเน้นที่ไปที่วัสดุที่ใช้ในการผลิตมีความแข็งแรงทนทานหรือไม่ ในส่วนของการออกแบบและเทคโนโลยีที่ใช้นั้นมักอยู่ขั้นพื้นฐาน แต่สิ่งที่สำคัญคือโทรศัพท์ราคาประหยัดนั้นมักจะเน้นอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนาน และอาจจะมีบ้างรุ่นบ้างยี่ห้อที่ยังคงเน้นไปที่กล้องบ้าง คุณสามารถอ่านบทความของเราที่รีวิวโทรศัพท์มือถือได้จากบทความต่าง ๆ เหล่านี้ได้ ในกรณีที่คุณจำกัดวงเงินในเลือกซื้อ อย่างสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 5,000 บาท หรือสมาร์ทโฟนราคาไม่เกิน 3,000 บาท ที่จะช่วยให้คุณเลือกโทรศัพท์มือถือได้ง่ายขึ้น หากใครที่ไม่ใช่สายสมาร์ทโฟนแต่เน้นใช้งานติดต่อสื่อสารและราคาถูกเป็นหลักเราขอแนะนำให้ใช้เป็นโทรศัพท์ปุ่มกดที่มีราคาไม่เกิน 1,000 บาท

iOS หรือ Android: ระบบปฏิบัติการใดดีที่สุด?

1. ระบบปฏิบัติการ iOS

1200x300-01.jpg

โทรศัพท์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ (OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้เฉพาะ iPhone เท่านั้น ซึ่งมักจะสามารถเชื่อมต่อกับสินค้าในเครือ Apple ได้ อาทิเช่น Smartwatc, iPad และ Macbook ที่จะช่วยให้เราใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เมื่อเป็นระบบปฏิบัติการที่พัฒนาขึ้นมาเอง Application จึงมักมีความน่าเชื่อถือในมากกว่า อีกทั้งยังปลอดภัยในเรื่องการไวรัสจากต่าง ๆ ที่อาจจะติดมาได้จากการกดลิ้งค์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์

2. ระบบปฏิบัติการ Android

1200x300-02.jpg

Android ได้รับการออกแบบโดย Google และถูกใช้โดยผู้ผลิตหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Samsung, Huawei หรือ Realme และอีกหลายแบรนด์ที่กำลังเติบโต เช่น OnePlus และ Honor โดยจะมีลักษณะและการทำงานแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟน แต่พื้นฐานนั้นเหมือนกัน การที่มีผู้ผลิตหลากหลายนั้นจะช่วยให้ระบบโทรศัพท์ Android เป็นระบบที่มีฟังก์ชันทำงานที่หลากหลาย และมีการพัฒนาที่รวดเร็ว เหมือนคำพังเพยที่ว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียว

ควรซื้อโทรศัพท์หน้าจอขนาดไหน

สมาร์ทโฟนรุ่นไฮเอนด์ตัวล่าสุดหลัง ๆ เริ่มมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนมากมักจะอยู่ที่ 5.5 – 6 นิ้ว หรือมากกว่า โทรศัพท์ขนาดใหญ่ มักจะเหมาะสำหรับการดูภาพยนตร์ และท่องเว็บ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เหมาะกับทุกคน เพราะบางคนพบว่ามีขนาดใหญ่เกินไปจนทำให้รู้สึกอึดเกินกว่าจะถือได้ พวกเขาต้องการที่จะใช้งานสะดวกด้วยมือข้างเดียว

1200x400-05.jpg

ดังนั้นขนาดของโทรศัพท์ที่เหมาะสำหรับคุณ คือคุณต้องทราบก่อนว่าตัวเองชอบแบบไหน หากคุณเน้นพกพาสะดวก ไม่ใหญ่โตจนเทอะทะสามารถ พกใส่กระเป๋าได้สะดวกเราแนะนำโทรศัพท์ขนาด 4-5 นิ้ว แต่หากคุณเน้นการดูซีรีส์ รายการทีวี คลิปต่าง ๆ เป็นหลัก แนะนำโทรศัพท์ที่มีหน้าจอขนาด 6 นิ้ว หรืออาจเล็กกว่านิดหน่อยก็ประมาณ 5.5 นิ้ว

10 วิธีการใช้งาน SmartPhone อย่างชาญฉลาด

1200x500.jpg

  1. รู้วิธีใช้งาน : ถ้าคุณมีสมาร์ทโฟนสักเครื่องและอยากจะใช้งานฟีเจอร์ดีๆ ที่มันมี โปรดมั่นใจว่าคุณทำความคุ้นเคยและเรียนรู้วิธีการใช้งานมันจริงๆ ไม่ว่าจะเรื่องของการท่องอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ, ปรับขนาดภาพวิดีโอตามความเหมาะสม ทั้งหมดนี้มีสอนบน Youtube อย่าพลาดที่จะเรียนรู้และหัดใช้ให้เป็น

  2. รู้ว่าจะปิดเสียงยังไง : ถ้าคุณเรียนรู้ข้อ 1 เรียบร้อยแล้ว อย่าลืมดูวิธีปิดเสียงโทรศัพท์ของคุณ มันแปลกมากที่คนส่วนใหญ่ใช้สมาร์ทโฟนทั้งๆ ที่ไม่ทราบวิธีปิดเสียง มันคงไม่ดีนักถ้าคุณประชุมอยู่แล้วสมาร์ทโฟนดังขึ้น คนอื่นคงไม่มองว่ามัน "สมาร์ท" แล้วกระมัง

  3. เรียนรู้มารยาท กาละเทศะ : หรืออะไรก็ตามแล้วแต่จะเรียก ไม่มีใครคนไหนอยากฟังเสียงคุณคุยโทรศัพท์หรอกนะ เชื่อสิ! หลีกเลี่ยงการคุยโทรศัพท์ในที่สาธารณะ เช่น ในโรงภาพยนตร์ โรงพยาบาล ร้านอาหาร และที่ๆ มีคนอยู่เยอะ หากต้องรับสายมันคงจะดีกว่าถ้าคุณจะออกไปโทรศัพท์ข้างนอก

  4. ใช้อย่างระมัดระวัง : สมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในหายนะของการขับรถ หากจำเป็นต้องสนทนา เลือกใช้ชุดหูฟังเพื่อความปลอดภัยของชีวิตคุณและผู้โดยสารดีกว่า

  5. ปิดการแจ้งเตือนอีเมล : อีเมลบนสมาร์ทโฟนเป็นหนึ่งในตัวสร้างเสียงรบกวนที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องเช็คเมลทุกๆ 30 วินาทีหรอกนะ ถ้าไม่ใช่นักธุรกิจที่ต้องติดต่องานมูลค่าหลายล้าน ขอแนะนำให้ปิดเสียงเตือนอีเมลในโทรศัพท์ ยกเว้นจำเป็นต้องตรวจเช็คอีเมลบ่อยจริงๆ (บ่อยครั้งที่เป็นอีเมลไร้สาระ ไม่เห็นน่าสนใจ)

  6. ปิดการแจ้งเตือนทั้งหมด : คุณแน่ใจหรือว่าจะเปิดการแจ้งเตือนทุกอย่าง? ต้องดูทุกความเคลื่อนไหว? ปิดไปซะบ้าง จะเห็นว่าชีวิตคุณมีเวลาเหลืออีกเพียบ!

  7. ทำความสะอาดเครื่อง (ข้างในระบบ) : ถึงแม้คุณจะมีพื้นที่เก็บข้อมูลแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนมหาศาลแค่ไหน ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องโหลดแอพพลิเคชั่นมาทุกตัว เลือกใช้เฉพาะที่ใช้งานจริง พนันกันได้เลยว่ามีแอพพลิเคชั่นที่คุณไม่เคยเปิดใช้อยู่ในสมาร์ทโฟนแน่นอน

  8. เก็บมันใส่กระเป๋า : ไม่จำเป็นต้องมองเห็นสมาร์ทโฟนวางอยู่บนโต๊ะหรืออยู่ในห้องประชุม รอคอยเวลาให้มันสั่นหรอกนะ เมื่อคุณไม่ใช้มัน เก็บใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าดีกว่า ไม่เสี่ยงต่อการสูญหายด้วย

  9. สำรองข้อมูล : อย่าประมาท เพราะสิ่งสำคัญนอกจากการที่โทรศัพท์หาย นั่นคือข้อมูลก็หายไปด้วย รายชื่อติดต่อมากมาย? ภาพส่วนตัว? โปรดแน่ใจว่าคุณสำรองข้อมูลเป็นประจำ หากคุณใช้ iPhone มันเป็นเรื่องง่ายมากเพียงสำรองข้อมูลผ่าน iCloud (คนส่วนใหญ่ มักละเลยข้อนี้)

  10. ตรวจสอบค่าใช้จ่าย : มั่นใจมากว่ามีหลายคนที่ใช้สมาร์ทโฟนแล้วต้องเสียเงิน "แพงกว่าความเป็นจริง" ตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่ใช้งานจริง และเลือกโปรโมชั่นหรือการใช้งานที่เหมาะสม อย่ามองว่าต้องมีแพคเกจบุฟเฟต์ Unlimited ในขณะที่ใช้จริงแค่ไม่กี่ร้อยบาท เสียดายเงิน!

มีอีกหลายวิธีที่จะใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างชาญฉลาด อย่าลืมว่าจุดประสงค์ของเทคโนโลยี คือช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อย่าใช้งานสมาร์ทโฟนแพงๆ เพราะสักแต่ว่า ต้องมี ต้องเท่ห์ เพราะว่าพรุ่งนี้...มือถือของคุณ..ก็กลายเป็นรุ่นเก่าแล้ว!!

10 วิธีใช้งานมือถืออย่างถูกต้อง ที่จะช่วยยืดอายุให้ใช้งานได้ยาวนาน

วิธีดูแลมือถือ ยืดอายุการใช้งานให้นานขึ้น รวมเทคนิควิธีการใช้งานมือถือที่ถูกต้อง ใช้งานมือถืออย่างทะนุถนอมไม่ให้มือถือพังเร็ว ป้องกันแก้ปัญหามือถือช้า มือถืออืด มือถือหน้าจอเป็นรอย และอื่นๆ

1200x500-02.jpg

เชื่อได้เลยว่าในการซื้อโทรศัพท์มือถือมาใช้งานสักเครื่อง ไม่ว่าจะถูกหรือแพงอย่างไร ผู้ใช้ทุกคนย่อมคาดหวังว่าจะได้ใช้มือถือเครื่องนั้นให้คุ้มค่ายาวนานไปจนกว่าจะถึงเวลาที่อยากเปลี่ยนมือถือใหม่โดยความตั้งใจไม่ใช่เพราะเหตุสุดวิสัยหรือเพราะมือถือพังก่อนเวลาอันควร

และแน่นอนว่าการที่โทรศัพท์มือถือจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานแค่ไหน นั่นก็ย่อมขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคนด้วย ฉะนั้นเราควรมาเรียนรู้เทคนิคการใช้งานที่จะช่วยดูแลรักษามือถืออย่างถูกต้องกันสักหน่อย เพื่อที่จะทำให้เจ้าอุปกรณ์ในมือคุณได้อยู่ด้วยกันไปนาน ๆ

1. ใส่เคสกันกระแทก ติดฟิล์มกันรอย

น่าจะเป็นขั้นตอนแรกที่ควรทำเลยหลังจากซื้อมือถือ ก็คือการติดฟิล์มกันรอยหน้าจอหรือรอบตัวเครื่อง พร้อมทั้งใส่เคสกันรอยเพื่อกันกระแทก ซึ่งมือถือบางรุ่นก็จะมีแถมมาให้ในกล่อง เราก็จัดแจงให้พนักงานขายใส่ให้ได้เลย หรืออาจไปซื้อพวกกระจกนิรภัยและเคสชนิดพิเศษมาใช้ก็ได้เช่นกัน เพื่อความปลอดภัยที่มากกว่า แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้มือถืออย่างระมัดระวังด้วยนะ

2. ทำความสะอาดตัวเครื่องและพอร์ตเชื่อมต่อ

ใครจะรู้ว่าปัญหาบางอย่างของมือถือนั้น อาจแก้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทำความสะอาดตัวเครื่องและพอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ให้สะอาด เพราะปัญหาอาจเกิดจากพวกฝุ่นผงและคราบไขมันที่เข้าไปสะสมตามซอกต่าง ๆ ของเครื่อง โดยให้ทำความสะอาดมือถือของคุณด้วยผ้าไมโครไฟเบอร์ ใช้คอตตอนบัดเช็ดตามซอกเล็ก ๆ และช่องพอร์ตให้เรียบร้อย

3. อย่านำมือถือไปไว้ใกล้ความชื้น

ถึงมือถือสมัยนี้จะกันน้ำกันฝุ่นได้ดีแค่ไหน แต่โอกาสที่มือถือตกน้ำแล้วเครื่องช็อตหรือพังก็ยังมีอยู่ ทางที่ดีไม่ควรนำมือถือไปอยู่ใกล้แหล่งความชื้น โดยเฉพาะใครที่ชอบหยิบมือถือเข้าห้องน้ำไปด้วย ถ้าเกิดตกน้ำตกท่าขึ้นมา มือถืออาจจะพังก็ได้ หรือคุณผู้หญิงที่ใส่มือถือรวมกับเครื่องสำอางในกระเป๋า ก็ให้ระวังเครื่องสำอางจำพวกของเหลวให้ดี ถ้าเกิดมีอะไรรั่วซึมจนเลอะกระเป๋า มือถือของคุณก็อาจจะพลอยโดนไปด้วย

4. รักษามือถือให้ดี อย่าให้เจอรอยขีดข่วน

แม้การใส่เคสกันกระแทกและติดฟิล์มกันรอยรอบตัวเครื่องจะเป็นวิธีป้องกันที่ดี แต่ยังไงการป้องกันไว้ย่อมดีกว่าแก้ อย่างน้อยก็อย่าเก็บมือถือไว้รวมกับสิ่งของเหล่านี้ เช่น พวงกุญแจ เศษเหรียญ ของชิ้นเล็กที่มีความแหลมคม เพราะเป็นตัวการสร้างรอยขีดข่วนบนมือถือเลยล่ะ

5. เคลียร์ความจุเครื่องให้เหลือพื้นที่ว่างอยู่เสมอ

สำหรับปัญหามือถือช้า อืด จนทำให้หลายคนตัดสินใจซื้อมือถือใหม่ไปเลย ความจริงแล้วยังมีทางแก้เบื้องต้นก็คือ ลบรูปภาพ วิดีโอ หรือแอปพลิเคชันที่ไม่จำเป็นออก แต่ถ้าลบเท่าไรพื้นที่ความจุเครื่องก็ยังไม่ค่อยเพิ่มสักที ให้ลองลบไฟล์ขยะจากแอปฯ ต่าง ๆ ออก ส่วนใหญ่จะเป็นแอปฯ ที่ใช้งานบ่อยอย่าง Facebook, LINE เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้พื้นที่ว่างเพิ่มขึ้นแล้ว หรือจะย้ายไฟล์เก่า ๆ ไปเก็บไว้บน Cloud เช่น Google Drive หรือ Dropbox แล้วลบไฟล์เก่าในเครื่องทิ้งก็ได้เหมือนกัน

6. Reset เครื่องใหม่บ้าง

เพราะมือถือที่ผ่านการใช้งานมานาน ย่อมมีไฟล์ขยะและอื่น ๆ สะสมตามระยะเวลาการใช้งาน แต่จะให้ไล่ค้นหาแล้วลบทีละไฟล์ก็เป็นเรื่องเสียเวลา หรือเกิดลบผิดลบถูกขึ้นมาอาจสร้างปัญหาเพิ่มได้ ทางที่ดีควรสำรองไฟล์ในมือถือเอาไว้ แล้ว Reset ตัวเครื่องใหม่ เพื่อล้างการตั้งค่าใหม่หมด ก็จะได้มือถือเครื่องใหม่ในร่างเดิมกลับมาอีกครั้ง

7. ไม่โหลดแอปฯ นอก App Store และ Google Play

แอปพลิเคชันที่มีอยู่ใน App Store ของไอโฟน และ Google Play Store ของแอนดรอยด์นั้นถือว่าเยอะมาก ๆ เมื่อเทียบกับสมัยก่อนที่สมาร์ตโฟนเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมา ฉะนั้นจึงไม่จำเป็นที่จะต้องหาแอปพลิเคชันจากแหล่งอื่นมาใช้งานอีกต่อไป เพราะแอปฯ ที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบจาก App Store และ Google Play Store อาจมีมัลแวร์แฝงหรือก่อให้เกิดอันตรายกับตัวเครื่องได้

8. ใช้โหมดประหยัดพลังงานบ้าง

ถึงแม้ว่าแบตเตอรี่มือถือจะมีความจุมากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ต้องมีวันที่แบตฯ หมดกลางคันกันบ้าง นอกจากจะพกแบตเตอรี่สำรองหรือสายชาร์จเตรียมไว้ จึงควรตั้งค่าให้ใช้งานโหมดประหยัดพลังงานเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด หรืออาจตั้งค่าอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปิด Wi-Fi, Bluetooth เพื่อไม่ให้ค้นหาสัญญาณระหว่างที่ไม่ได้ใช้งาน รวมทั้งปิดการปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ และปรับแสงหน้าจอให้สว่างพอดีเพื่อถนอมสายตาและลดการกินไฟ

9. อัปเดตซอฟต์แวร์ให้เป็นเวอร์ชั่นใหม่

ใครที่ใช้สมาร์ตโฟนน่าจะได้ยินคำนี้กันบ่อย โดยเฉพาะหลาย ๆ รุ่นที่ต้องอัปเดตระบบปฏิบัติการเป็นเวอร์ชั่นใหม่ ซึ่งการอัปเดตตัวเครื่องนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะมักจะมีการแก้ไขบั๊กให้มีประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีขึ้น หรืออุดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยต่าง ๆ แต่อย่าลืมเช็กว่าคนอื่น ๆ ที่ใช้สมาร์ตโฟนรุ่นเดียวกันนั้นเจอปัญหาหลังจากอัปเดตหรือไม่ หรือใครที่มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาใด ๆ ก็ทำการอัปเดตได้เลย

10. อย่าลืมว่ามือถือซ่อมได้

ใครที่เจอปัญหามือถือหนัก ๆ แล้วกำลังตัดสินใจว่าซื้อเครื่องใหม่เลยดีไหม ซึ่งจริง ๆ แล้วปัญหาบางอย่างสามารถแก้ไขเองได้ หรือถ้าไม่รู้วิธีแก้ปัญหา อย่างน้อยก็ให้เป็นหน้าที่ของศูนย์บริการหรือร้านซ่อมมือถือในการช่วยเหลือ เพราะบางปัญหาอาจเกิดจากความเข้าใจผิดของผู้ใช้มือถือก็ได้ แต่ถ้าเป็นปัญหาอย่างพวกตัวเครื่องค้าง กระจกหน้าจอแตก แบตเตอรี่เสื่อม ก็แนะนำให้ส่งศูนย์หรือร้านซ่อมจะดีกว่า ยิ่งถ้าเครื่องใครอยู่ในช่วงประกัน อาจได้ซ่อมฟรีก็ได้นะ

เห็นแบบนี้แล้ว การดูแลรักษามือถือให้ใช้งานได้ยาวนานก็ไม่ยากเลย เพียงแค่ใส่ใจและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดได้ทุกเมื่อ อย่างน้อย 10 วิธีเหล่านี้ก็เป็นวิธีการแก้ปัญหามือถือเบื้องต้นที่จะช่วยถนอมมือถือไม่ให้เสื่อมเร็ว และจะได้ใช้มือถือให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปอีกด้วย

recommended-for-you.jpg