วิธีเลือกซื้อทีวี

ดูจบรู้แน่ว่าโทรทัศน์รุ่นไหนเหมาะกับเรา! เลือกซื้อโทรทัศน์ เครื่องใหม่ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
13 ธันวาคม 2021

วิธีเลือกซื้อทีวี.jpg

ยุคสมัยแห่งทีวีกลับมาแล้ว เพราะตอนนี้ทีวีจอใหญ่ 40 – 50 นิ้วถูกมาก บางแบรนด์ไม่ถึงหมื่นก็ซื้อได้ และทีวียุคนี้ก็เป็นสมาร์ททีวี ดู Youtube, Netflix
และสารพัดแอปได้ในตัวโดยไม่ต้องซื้ออะไรเพิ่มอีก เราจะมามัวดูเนื้อหาในจอมือถือเล็กๆ อยู่ทำไม ดูในทีวีจอใหญ่ๆ สบายกว่าเยอะ! มาดูเทคนิค
การเลือกทีวีให้ถูกใจ และคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปกัน

1. ความละเอียดหน้าจอ

เรื่องแรก เราควรซื้อทีวีความละเอียดเท่าไหร่ดี Full HD, 4K หรือ 8K ฟันธงเป็นคำตอบของปี 2021 ว่าควรเป็น 4K เพราะทีวี Full HD มันหายากแล้วตอนนี้ ส่วนใหญ่จะมีแค่ในรุ่นจอเล็กๆ สัก 32 นิ้วเท่านั้นที่ยังเป็น Full HD เราก็ข้ามไป 4K เลยดีกว่า ส่วนทีวี 8K ตอนนี้ยังแพงมาก และเราหาเนื้อหา 8K แท้ๆ มาเล่นบนทีวีได้ยากในตอนนี้ อาจจะมีคลิปใน Youtube ที่เป็น 8K บ้าง แต่หนังและซีรีส์ที่หาดูได้ตอนนี้มีความละเอียดสูงสุดแค่ 4K เท่านั้น และจอ 8K อาจแสดงผลได้ไม่ดีเท่าจอ 4K ถ้าเนื้อหานั้นมีความละเอียดต่ำ เช่นเอาเนื้อหา HD 720p หรือ Full HD 1080p ไปเล่นบนจอ 8K ก็อาจมองเห็นภาพเบลอๆ มากกว่าจอ 4K ขนาดของทีวี

resolucoes.jpg

2. ควรซื้อทีวีใหญ่แค่ไหนดี

เรื่องนี้ตอบง่ายๆ ในยุคนี้ ว่าให้ซื้อใหญ่ที่สุดเท่าที่จะวางในบ้านคุณได้ และงบคุณถึงเพราะทีวีจอยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งให้ประสบการณ์รับชมที่ดีกว่าจอเล็กๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องแคร์ก่อน คือต้องรู้ขนาดผนังหรือพื้นที่ว่างที่จะวางทีวีในบ้านก่อน ว่าใส่ทีวีขนาดไม่เกินเท่าไหร่ แล้วไปวัดทีวีที่หน้าร้านให้ไม่เกินขนาดนี้ แต่ถ้าบ้านคุณมีระยะชมทีวีจำกัด เช่นอยู่ห่างจากทีวีไม่ถึง 1.5 เมตร ก็อาจลดขนาดทีวีลงหน่อยได้ ซึ่งวิธีที่เราแนะนำคือให้วัดระยะห่างจากจุดที่วางทีวีถึงที่นั่ง แล้วลองไปดูทีวีที่หน้าร้านในระยะเดียวกันดู ว่าจอใหญ่ไปไหม ดูแล้วเหนื่อยกับการกวาดสายตาไหม ถ้าทดลองแล้วโอเคกับทีวีไซส์ไหนก็จัดได้เลย

Briefly-introduce.jpg

ส่วนใครที่กำลังสร้างบ้านหรือแต่งบ้านใหม่ ที่สามารถเลือกจุดวางทีวีและเฟอร์นิเจอร์ได้ เราแนะนำดังนี้

อย่างแรก ให้วางทีวีในระยะที่กำลังดูสบาย จอกับผู้ชมห่างสัก 2-3 เมตรก็พอ คือยิ่งดูทีวีไกล ความรู้สึกก็คือดูจอเล็กลง ก็ลำบากต้องซื้อจอใหญ่ขึ้นให้แพงขึ้นต่อมาคือเลือกใช้โต๊ะวางทีวีที่เปิดโล่ง ดีกว่าทำเป็นกรอบเฟอร์นิเจอร์รอบทีวี เพราะไม่ปิดกั้นเรื่องขนาดทีวี เผื่ออนาคตมีทีวี 100 นิ้วขายถูกๆ เราก็สามารถอัปเกรดไปได้โดยไม่ต้องแก้เฟอร์ในบ้าน

3. ประเภทของจอทีวี

  1. เริ่มจากทีวี OLED คือใช้แผงหน้าจอที่สามารถเปล่งแสงและปิดแสงได้ในระดับพิกเซล ทำให้จอประเภทนี้ ให้สีดำสนิท และให้ Contrast สูงที่สุด จึงได้ภาพตื่นตาตื่นใจ แต่จุดอ่อนอยู่ที่อายุการใช้งาน เพราะมีโอกาสเจอปัญหาจอเบิร์นหรือรอยบนหน้าจอจากการแสดงภาพเดิมซ้ำๆ นานๆ เช่นโลโก้สำนักข่าว ซึ่งแม้ปัจจุบันผู้ผลิตจะป้องกันปัญหานี้ด้วยซอฟต์แวร์ที่จัดการภาพที่แสดงผลซ้ำๆ ไม่ให้ค้างนานเกินไป แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี และอีกเรื่องคือราคาของจอ OLED จะแพงกว่าจอทั่วไปชัดเจน

  2. ต่อมาคือ LED คือจอทีวีทั่วไปที่ขายเริ่มต้นกันไม่แพง ซึ่งคุณภาพของกลุ่มจอ LED นี่กว้างมากตามราคาเลย จอที่มีราคาหน่อยก็จะแสดงภาพได้ดีขึ้น และมีประเภทย่อยคือจอแบบ IPS-LED ที่แสดงภาพได้สวยงามทุกมุมมอง มองทีวีเอียงๆ ภาพก็ยังชัดอยู่ แต่ให้ Contrast ได้ไม่สูง

  3. จอแบบ VA-LED ที่ให้ Contrast สูงกว่า ให้สีดำได้ลึกกว่า แต่มีปัญหาเวลามองทีวีมุมเอียง ภาพจะสีเพี้ยนได้ง่ายกว่าจอประเภทอื่นๆ

  4. สุดท้ายคือ QLED คือจอ LED ที่อัปเกรดใหม่ให้แสดงสีสันได้สดใสมากขึ้น เป็นกลุ่มจอที่ให้สีสดเหมือนจริงที่สุดในจอทั้ง 3 ประเภท ส่วน Contrast จะดีกว่า LED แต่ก็ยังด้อยกว่าจอ OLED นิดหน่อย เพราะไม่ได้เปิด-ปิดแสงในระดับพิกเซล และทีวี QLED ระดับบนมีราคาไม่ต่างจากทีวี OLED เท่าไหร่ โดยจอ LED และ QLED จะไม่มีปัญหาเรื่องจอเบิร์น ถ้าจะให้ภาพดีขึ้น ต้องดูจอที่มี Local Dimming ทีวีที่มีเทคโนโลยีนี้จะสามารถหรี่แสงสว่างเป็นโซนได้ ทำให้ภาพในจอมีสีดำที่ลงลึกขึ้น Contrast สูงขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้ Contrast ที่เนี๊ยบเท่าจอ OLED

OLED-LCD-screen.jpg

สรุปจอ OLED และ QLED ตัวแพงๆ จะให้คุณภาพภาพได้ดีที่สุด แต่ OLED มีความเสี่ยงเรื่องอายุการใช้งานจากปัญหาจอเบิร์น ส่วน QLED
ยังให้ Contrast ต่ำกว่าทีวี OLED และทีวี LED จะมีราคาถูกที่สุด ให้คุณภาพภาพดีพอสำหรับใช้งานทั่วไป ซึ่งถ้ามีงบมากขึ้นให้เลือกทีวีที่มีเทคโนโลยี
Local Dimming ก็จะให้ภาพที่ดีขึ้น ส่วนเรื่อง HDR หรือ High Dynamic Rate ก็เกี่ยวข้องกับคุณภาพหน้าจอด้วย พูดง่ายๆ คือจอยิ่งแพง จะแสดงภาพ
HDR ได้สวยกว่า เพราะภาพ HDR ที่ดี ส่วนมืดและสว่างต้องมีรายละเอียด และต้องมี Contrast ที่มากพอ ซึ่งหน้าจอแบบ OLED ที่มี Contrast สูง
หรือ QLED และ LED ที่มีเทคโนโลยี Local Dimming จะได้เปรียบในจุดนี้

วิธีการใช้งานทีวีอย่างถูกวิธี

การใช้งานให้ถูกวิธีเป็นปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งานของ TV คุณภาพของ TV เพราะ TV สมัยนี้ผลิตออกมาหลายยี่ห้อ ทั้งยี่ห้อที่เรา
คุ้นกันดีในท้องตลาดและยี่ห้ออื่น ๆ อีกมากมาย ในการเลือกซื้อ จึงควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น
ประเภทของ TV แต่ละประเภทมีระบบการทำงานที่ไม่เหมือนกัน อายุการใช้งานของ TV แต่ละประเภทจึงแตกต่างกันด้วย ลักษณะการใช้งาน
นอกจากปัจจัยอื่น ๆ แล้วลักษณะการใช้งานก็ถือว่าส่งผลโดยตรงต่ออายุการใช้งานของ TV ด้วยเช่นกัน

  1. ไม่เปิดใช้งานข้ามวัน การเปิดใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานานหรือเปิดใช้งานข้ามวันจะทำให้ TV ร้อนและทำงานหนัก ส่งผลให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็วและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง

  2. เปิดทิ้งไว้โดยไม่ใช้งาน อายุการใช้งานของ TV จะอยู่ที่ 100,000 ชั่วโมงหรือประมาณ 10 ปี หากเราเปิด TV ทิ้งไว้โดยไม่ใช้งาน ก็เหมือนกับการลดอายุของมันลงไปด้วย

  3. ไม่ปิด TV ก่อนดึงปลั๊ก สำหรับใครที่มีพฤติกรรมดึงปลั๊กก่อนปิ TV แบบนี้บ่อย ๆ คงต้องเลิกโดยด่วน เพราะการดึงปลั๊กออกโดยไม่กดปุ่มปิดก่อนก็เหมือนกับการทำให้ TV พังเร็วขึ้น เพราะการดึงปลั๊กออกโดยไม่ปิด TV ก่อนจะทำให้ไฟกระชากและพังเร็วขึ้นด้วย ตั้งค่าการใช้งานต่าง ๆ ให้ทำงานหนักเกินจำเป็น

ไม่ปิด TV ก่อนดึงปลั๊ก.jpg

  1. TVสมัยใหม่สามารถตั้งค่าได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นความสว่างหน้าจอ ปรับสี โทนสี และโหมดการใช้งานอื่น ๆ การปรับมากจนเกินความจำเป็น เช่น ปรับหน้าจอสว่างมากเกินไป หรืออื่น ๆ จึงทำให้ TV ทำงานหนักและกินไฟด้วย

TV จะมีอายุการใช้งานนานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับการใช้งานและประเภทที่เลือกใช้ โดยคุณเองสามารถเป็นผู้กำหนดอายุการใช้งานให้ TV เครื่องโปรดของคุณได้ ด้วยการเลือกใช้ TV ที่มีคุณภาพและใช้งานอย่างถูกวิธี เพียงเท่านี้ก็ใช้งานได้นานขึ้นแล้ว

ข้อแนะนำในการบำรุงรักษาทีวี

  1. ไม่ติดตั้งทีวีไว้ใต้เครื่องปรับอากาศตรงๆ
  2. ตรวจสอบให้มั่นใจว่าผนังที่ติดตั้งทีวีไว้นั้นไม่เปียกชื้น พื้นผิวที่เปียกชื้นจะเป็นสิ่งดึงดูดแมลงต่างๆ เช่นมดและแมลงสาบได้เป็นอย่างดี แนะนำให้ดูแลอย่าให้มีแมลงดังกล่าวอยู่กับทีวี
  3. ถอดปลั๊กสายไฟ AC (สายไฟหลัก) ที่เชื่อมต่อกับทีวีออกจากเต้ารับไฟ AC (เต้ารับไฟหลัก) ก่อนที่จะทำความสะอาด
  4. เพื่อทำการขจัดผงฝุ่นจากผิวหน้าของจอ และตัวเครื่อง ให้เช็ดเบาๆ ด้วยผ้าที่อ่อนนุ่ม ถ้าหากผงฝุ่นติดแน่น ให้เช็ดด้วยผ้านุ่มที่ชุบน้ำให้ชื้นเล็กน้อย
  5. ห้ามฉีดน้ำลงไปที่ตัวเครื่องทีวีโดยตรง เพราะอาจจะหยดลงไปถึงด้านล่างของหน้าจอ หรือส่วนภายนอกและเข้าไปในทีวีได้ และอาจจะสร้างความเสียหายกับทีวีได้
  6. ห้ามใช้แผ่นขัด ตัวทำความสะอาดอัลคาไลน์ หรือตัวทำละลายที่ระเหยเร็ว เช่นอัลกอฮอล์ เบ็นซิน ทินเนอร์ หรือยาฆ่าแมลง ในการทำความสะอาดทีวี การใช้วัสดุดังกล่าว อาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อผิวหน้าจอและวัสดุของตัวเครื่องได้

recommended-for-you.jpg