วิธีคำนวณ BTU ให้เย็นทั่วห้อง โดยที่แอร์ไม่ต้องทำงานหนัก

ศึกษาพื้นฐานก่อนซื้อแอร์ กับวิธีคำนวณ BTU เพื่อให้แอร์เย็นฉ่ำทั่วถึง พร้อมปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการใช้งาน ว่าควรเลือกแอร์ค่า BTU เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?
4 กันยายน 2023

วิธีคำนวณ BTU แอร์

ก่อนจะเลือกซื้อแอร์แต่ละครั้ง การศึกษาหาข้อมูลเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของค่า BTU ของแอร์ ว่าเหมาะสมกับการนำมาใช้งานในแต่ละห้องหรือไม่ แต่สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในการเลือกแอร์ อาจสงสัยว่า BTU ที่ว่านี้คืออะไร และจำเป็นแค่ไหนในการเลือกซื้อแอร์ รวมถึงควรมีวิธีคำนวณค่า BTU แอร์อย่างไรให้ตอบโจทย์กับการใช้งานมากที่สุด เราได้รวบรวมข้อควรรู้มาไว้ให้แล้วที่นี่!

BTU คืออะไร สำคัญอย่างไร?

BTU ย่อมาจาก British Thermal Unit ซึ่งเป็นหน่วยวัดความร้อนตามมาตรฐานสากล เมื่อนำมาใช้กับแอร์ หน่วย BTU จะบ่งบอกถึงความสามารถในการทำความเย็น โดย 1 BTU จะเทียบเท่ากับปริมาณความเย็นที่ทำให้น้ำหรือน้ำแข็ง 1 ปอนด์ มีอุณหภูมิเพิ่ม 1 องศาฟาเรนไฮต์ ดังนั้นขนาด BTU จึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการเลือกซื้อแอร์สักเครื่อง เพราะหากเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่น้อยกว่าขนาดห้องก็อาจจะทำให้แอร์ต้องทำงานหนักเกินความจำเป็น อีกทั้งยังจะทำให้ต้องใช้เวลาในการระบายความร้อนมากกว่าปกติ จนส่งผลต่อค่าไฟและอายุการใช้งานของแอร์เครื่องนั้น ๆ อาจใช้ได้ไม่นาน

วิธีคำนวณค่า BTU แอร์

สูตรการคำนวณค่า BTU ที่ง่ายที่สุด คือ BTU = พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ความแตกต่าง
ซึ่งหากสงสัยว่าค่าความแตกต่างคืออะไร เราสามารถคิดค่าความต่าง หรือ Cooling Load ง่าย ๆ ได้ดังนี้

  • ห้องที่มีความร้อนสูงและถูกใช้งานในช่วงเวลากลางวัน ค่า Cooling Load จะเท่ากับ 700-800 BTU ต่อตารางเมตร
  • ห้องที่มีความร้อนไม่มากและถูกใช้งานในช่วงกลางคืน ค่า Cooling Load จะเท่ากับ 600-700 BTU ต่อตารางเมตร

ยกตัวอย่างเช่น ห้องนั่งเล่นที่มักใช้งานในตอนกลางวัน มีขนาดพื้นที่ กว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร จะสามารถคิดสูตรจากวิธีคำนวณ BTU แอร์ออกมาได้เป็น (4X5) X 750 = 15,000 ดังนั้นหากต้องการซื้อและติดตั้งแอร์ในห้องนี้ จึงควรเลือกแอร์ที่มี BTU ขนาด 15,000

ปัจจัยที่ส่งผลต่อ BTU

นอกจากวิธีคำนวณ BTU แอร์ตามหลักการแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลในการเลือกซื้อแอร์ ดังนี้

สำรวจทิศทางของแสงให้ดี

แสงแดดเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวบ้านมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่องเข้ามาในตัวบ้านในทิศทางและเวลาที่แตกต่างกัน โดยบ้านที่หันหน้าไปในทางทิศใต้ แสงแดดจะส่องเข้าบ้านในช่วงบ่าย ส่วนบ้านที่หันหน้าไปทางทิศเหนือจะได้รับแสงแดดในช่วงเช้า ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือก BTU แอร์ที่สูงขึ้นสำหรับห้องที่มีการใช้งานในเวลาที่ได้รับแสงแดดตกกระทบ

ดูถึงจำนวนสมาชิกภายในบ้าน

เพราะยิ่งจำนวนคนเยอะเท่าไร ก็จะมีการระบายความร้อนออกมาจากร่างกายมากขึ้นเท่านั้น ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นและเย็นช้าลง ดังนั้นหากเป็นห้องที่มีคนเข้าใช้งานจำนวนมากเป็นประจำ อาจต้องเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่มากกว่าขนาดของห้อง

วิธีคำนวณ BTU ให้แอร์เย็นทั่วห้อง

เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้งาน

เครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิดก็อาจก่อให้เกิดความร้อนสะสมจนทำให้แอร์เย็นช้าลงได้ เช่น เตารีด โทรทัศน์ ตู้เย็น หรือแม้แต่หลอดไฟที่ให้แสงสว่าง การเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่เพิ่มขึ้นจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความเย็นภายในห้องได้

การเข้าออกภายในห้อง

การเปิดประตูเข้าออกเป็นประจำเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้อากาศร้อนจากภายนอกเข้ามาในห้อง จนอุณหภูมิภายในห้องเย็นช้าลงและไม่สม่ำเสมอ ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้น หากเป็นห้องที่ต้องมีการเข้าออกอยู่เสมอก็อาจต้องเลือกแอร์ที่มีค่า BTU ที่มากขึ้น

จะเห็นได้ว่านอกจากวิธีคำนวณค่า BTU แอร์ตามมาตรฐานแล้ว ในการเลือกซื้อและติดตั้งแอร์ยังมีปัจจัยและตัวแปรอื่น ๆ ที่ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักและทำความเย็นได้ช้าลงด้วย เช่น ปกติแล้วค่า BTU สำหรับห้องนั่งเล่นจะเหมาะสมกับการใช้แอร์ขนาด 9,000 BTU แต่ในการใช้งานจริงอาจเลือกซื้อแอร์ขนาด 12,000 BTU เพื่อช่วยระบายความร้อนให้เร็วขึ้นนั่นเอง

มองหาแอร์ที่ตอบโจทย์กับความต้องการจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ ต้องแวะมาเลือกซื้อที่ Siam T.V. ศูนย์รวมแอร์ที่ได้มาตรฐาน การันตีคุณภาพ มีขนาด BTU ให้เลือกครบ พร้อมรับประกันคุณภาพสินค้าและบริการหลังการขาย แถมมีโปรโมชันโดน ๆ เพียบ! สั้งซื้อได้ทั้งทางออนไลน์และที่หน้าร้าน พร้อมบริการจัดส่งให้ถึงบ้าน เลือกช้อปผ่านทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง ช้อปเลย!