อยากซื้อแอร์ให้ประหยัดไฟ เลือกแบบไหนให้ใช้งานคุ้ม

อากาศร้อน ๆ แบบนี้ ถ้าหากคุณกำลังวางแผนที่จะติดแอร์อยู่ล่ะก็ ควรจะต้องพิจารณาเลือกซื้อให้เหมาะสมกับพื้นที่ภายในบ้าน รวมถึงดูคุณสมบัติของแอร์ว่าเหมาะกับการนำไปใช้งานหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อค่าไฟ ที่อาจทำให้คุณรู้สึกขนลุกเลยก็เป็นได้ หากใครอยากรู้ว่า ควรมีวิธีเลือกซื้อแอร์อย่างไร ที่ช่วยประหยัดค่าไฟ แถมได้แอร์ที่เย็นสบายตลอดทั้งวัน ต้องห้ามพลาดกับบทความนี้

เลือกแอร์ให้เหมาะสมกับขนาดของห้อง

การเลือกขนาดของแอร์ให้พอดีกับขนาดของห้องคือสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าหากห้องมีขนาดใหญ่ แต่แอร์มีขนาดเล็ก ก็อาจจะทำให้เปลืองไฟและแอร์เสียได้ง่าย ซึ่งการเลือกซื้อแอร์ให้เหมาะกับขนาดของห้อง ควรต้องดูที่ขนาดของ BTU เป็นหลักด้วย

BTU คืออะไร? BTU คือ หน่วยที่ใช้วัดขนาดของแอร์ว่า แอร์เครื่องนั้น ๆ มีความสามารถในการดึงความร้อนออกจากห้องได้กี่ BTU ต่อชั่วโมง โดยที่ขนาดของ 1 BTU จะเท่ากับปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำ 1 ปอนด์ (0.45 กิโลกรัม) มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้นหรือลดลง 1 องศาฟาเรนไฮด์ (0.56 องศาเซลเซียส)
การเลือกขนาดของ BTU ที่เหมาะสม จะต้องคำนึงถึงขนาดของห้อง (กว้าง x ยาว) และตัวแปรอื่น ๆ เช่น ความสูงของเพดานห้อง พื้นที่ตั้งของห้อง จำนวนคนที่อยู่ภายในห้อง ปริมาณของเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น เพราะถ้าหากเลือกแอร์ที่มี BTU สูงเกินไป จะทำให้เปลืองค่าใช้จ่าย และอาจจะทำให้ห้องเกิดกลิ่นอับ แต่ถ้าเกิดแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไป จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานหนักตลอดเวลา เปลืองพลังงาน และอาจทำให้เครื่องเสียเร็วขึ้นด้วย

เลือกแอร์ที่ประหยัดพลังงาน

การเลือกซื้อแอร์ที่ดี ควรเลือกแอร์ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากแอร์ที่ติดฉลากเบอร์ 5 จะเป็นแอร์ที่ประหยัดไฟมากที่สุด แต่ก็มาพร้อมกับราคาที่สูงกว่าแอร์ตัวอื่น ๆ ซึ่งในปัจจุบัน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีการออกฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โดยมีการติดดาวเพิ่มเติมขึ้นมา ยิ่งดาวมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยประหยัดไฟได้มากเท่านั้น

เลือกแอร์ให้เหมาะสมกับสถานที่

แอร์แต่ละประเภทจะตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งการเลือกซื้อแอร์แต่ละเครื่อง จะต้องพิจารณาถึงสถานที่และจุดที่จะทำการติดตั้งด้วย โดยสามารถแยกประเภทของแอร์ได้ดังนี้

• แอร์แบบติดผนัง มีขนาดเล็ก ราคาไม่สูง ไม่เปลืองพื้นที่ สามารถติดตั้งได้ง่ายดาย และทำความสะอาดง่าย
• แอร์แบบแขวน เป็นแอร์ที่ได้รับความนิยมรองลงมา มีให้เลือกหลายขนาด สามารถกระจายความเย็นได้ดี มีราคาไม่สูง ติดตั้งง่าย
• แอร์แบบตั้งพื้น มีความคล้ายกับแอร์แบบแขวน แต่มีล้อ สามารถเคลื่อนย้ายไปยังจุดต่าง ๆ ได้สะดวก มีให้เลือกหลายขนาด
• แอร์แบบฝังเพดาน เป็นแอร์ที่เหมาะกับห้องขนาดใหญ่ สามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง สำหรับแอร์ประเภทนี้ จะทำการฝังเข้าไปกับเพดาน ทำให้มองไม่เห็นตัวแอร์ที่ติดตั้งภายในห้อง

เลือกจากคุณสมบัติพิเศษของแอร์

• สามารถฟอกฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 ได้: เพราะนอกจากการติดเครื่องฟอกอากาศแล้ว ใครที่ชอบเปิดแอร์ตลอดเวลา ก็ควรเลือกแอร์ที่สามารถกรองอากาศได้ด้วย เพื่อช่วยในการเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน ทำให้อากาศสะอาด ปลอดภัยจากฝุ่นขนาดเล็กและสิ่งสกปรกอื่น ๆ
• เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: การเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากจะช่วยลดการปล่อยของเสียออกไปยังธรรมชาติแล้ว ก็ควรเลือกแอร์ที่มีระบบทำความเย็นและน้ำยาแอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
• มีความเงียบเมื่อใช้งาน: การเลือกซื้อแอร์ ควรเลือกจากความเงียบขณะใช้งานด้วย เพื่อความสุขในการนอนหลับพักผ่อน และเพื่อลดเสียงรบกวนอันไม่พึงประสงค์

เลือกประเภทของแอร์ให้เหมาะสมกับความต้องการ

• แอร์ธรรมดา: มีหลายขนาดให้เลือก เหมาะสำหรับห้องขนาดเล็ก เปิดใช้งานไม่กี่ชั่วโมง ระบบการทำงานไม่ซับซ้อน เสียค่าซ่อมน้อย แต่จะกินไฟในช่วงเวลาที่แอร์เริ่มทำงาน อาจเกิดการกระชากของไฟ มีการตัดไฟทันทีที่อุณหภูมิห้องเย็นเกินไป และจะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อห้องร้อนขึ้น มีเสียงดัง
• แอร์อินเวอร์เตอร์: เป็นแอร์ที่มีการควบคุมรอบมอเตอร์ของคอมเพรสเซอร์ได้ละเอียดกว่าแอร์ธรรมดา สามารถใช้งานได้นาน มีความทนทาน ตัวระบบมีการสแตนด์บายพร้อมทำงานตลอดเวลา มีการควบคุมกระแสไฟฟ้าภายในได้ดี ประหยัดไฟ เหมาะกับห้องที่มีการใช้งานอย่างต่อเนื่องหลายชั่งโมง ต้องการความเงียบ และให้อุณหภูมิที่สม่ำเสมอ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์จะปรับการทำงานตามอุณหภูมิของห้อง แต่จะมีราคาที่สูงและมีค่าดูแลที่สูงกว่าแอร์แบบธรรมดา

สำหรับใครที่กำลังวางแผนเลือกซื้อแอร์เครื่องใหม่ และกำลังตัดสินใจว่าจะซื้อขนาดเท่าไหร่ ซื้อแบบไหน หรือจะเลือกซื้อแอร์พร้อมติดตั้งที่ไหนดี สามารถแวะมาได้ที่ Siam T.V. เราได้รวบรวมเครื่องปรับอากาศจากแบรนด์ชั้นนำเอาไว้มากมาย พร้อมบริการดี ๆ ที่สามารถช่วยให้คำแนะนำในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ตอบโจทย์กับความต้องการของคุณมากที่สุด