เลือกซื้อ แท็บเล็ต (Tablet) แบบไหนดี ที่เหมาะกับคุณ

เทคโนโลยีอย่าง “แท็บเล็ต” นั้น เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมตลอดกาลค่ะ นั่นเป็นเพราะแท็บเล็ตสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เรียนออนไลน์ ดูหนัง เล่นเกม หรือใช้ติดต่อสื่อสารก็สามารถทำได้ จุดเด่นของแท็บเล็ตคือ มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป
8 ธันวาคม 2021

เทคโนโลยีอย่าง “แท็บเล็ต” นั้น เป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมตลอดกาลค่ะ นั่นเป็นเพราะแท็บเล็ตสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน
เรียนออนไลน์ ดูหนัง เล่นเกม หรือใช้ติดต่อสื่อสารก็สามารถทำได้ จุดเด่นของแท็บเล็ตคือ มีขนาดตัวเครื่องที่ใหญ่กว่าสมาร์ทโฟนทั่วไป ดังนั้นจึงทำให้เราเห็นภาพ
หน้าหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น ชัดขึ้น และมีคุณภาพมากขึ้น แต่ปัจจุบันการเลือกซื้อแท็บเล็ตเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ เพราะก่อนอื่นคุณจำเป็น
ต้องรู้ก่อนว่าคุณจะเลือกซื้อแท็บเล็ตในระบบไหนระหว่างระบบ iOS (iPad) หรือระบบ Android หากคุณสามารถตัดสินใจได้ คุณก็สามารถเลือกซื้อแท็บเล็ตได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเลือกซื้อแท็บเล็ตสักเครื่อง ความแตกต่างระหว่างแท็บเล็ตที่ดี และแท็บเล็ตที่ไม่ดี อาจแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง หากเราซื้อแท็บเล็ตที่ไม่มีคุณภาพ เราจะได้โมเดลเครื่องที่แย่ ซอฟต์แวร์ที่ล้าหลัง อายุการใช้งานแบตเตอรี่น้อย และแน่นอนค่ะมันจะขัดใจมากเวลาใช้งาน ดังนั้นถ้าหากคุณกำลังจะเลือกซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่อยู่ คุณจะต้องศึกษาหาความรู้ก่อน เพื่อที่จะได้เลือกสินค้าที่มีประสิทธิภาพ และใช้งานได้ดีที่สุด วันนี้ KnowHow จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนค่ะ เพราะเราจะแนะนำวิธีเลือกซื้อแท็บเล็ตให้มีคุณภาพกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันเลยค่ะ

วิธีเลือกขนาดหน้าจอแท็บเล็ต

แท็บเล็ต 7 นิ้ว

นี่คือแท็บเล็ตขนาดเล็กที่สุดที่คุณสามารถซื้อได้ และมักจะมีราคาถูกที่สุดเช่นกัน เหมาะสำหรับการพกพา และเน้นใช้งานด้วยมือเดียว โดย แท็บเล็ตขนาด 7 นิ้ว มักจะมีชื่อเรียกอีกชื่อนึงว่า “แท็บเล็ตมินิ” นั่นเป็นเพราะมันมีขนาดเล็กที่สุด ซึ่งใกล้เคียงกับ เครื่องอ่าน eBooks ดังนั้นแท็บเล็ตขนาดนี้ จึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีได้ หากคุณต้องการหาอุปกรณ์ที่ให้ความบันเทิงกับคุณได้ในราคาเบา ๆ

แท็บเล็ต 8 นิ้ว

แท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 8 นิ้ว ยังคงเป็นแท็บเล็ตที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งานด้วยมือเดียว แต่โดยทั่วไปแล้ว มันจะหนักกว่ารุ่น 7 นิ้ว อยู่เล็กน้อย โดยแท็บเล็ตขนาด 8 นิ้ว ถือว่าเป็นขนาดที่ค่อนข้างหาซื้อได้ง่าย มีแท็บเล็ตจากแบรนด์ยอดนิยม อาทิเช่น Samsung Galaxy Tab, Huawei Mediapad M5 8 และ iPad mini เป็นต้น

แท็บเล็ต 9-11 นิ้ว

แท็บเล็ตเหล่านี้ มีขนาดใหญ่ และเหมาะสำหรับใช้งานด้วยสองมือเท่านั้น ปกติแล้วมีแท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว ให้เลือกมากมายพร้อมกับราคาประหยัด อาทิเช่น Lenovo Tab E10, iPad Air และ iPad Pro 11 นิ้ว เป็นต้น

แท็บเล็ตมากกว่า 11 นิ้ว

แท็บเล็ตขนาดใหญ่ที่สุดเหล่านี้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับการทำงานมากที่สุด เพราะแท็บเล็ตขนาดนี้ มักจะออกแบบมาให้ใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้สะดวกและง่ายดายขึ้น อาทิเช่น แป้นพิมพ์, ปากกาสไตลัส, เมาส์ และอื่น ๆ บางรุ่นสามารถใช้ทดแทนโน็ตบุ๊คได้เลย โดยแท็บเล็ตที่มีขนาดมากกว่า 11 นิ้ว ก็ได้แก่ iPad Pro 12.9 และ Microsoft Surface Pro เป็นต้นค่ะ

ระบบปฏิบัติการ (OS) ของแท็บเล็ตที่คุณควรเลือก

Compare-Tablet.jpg

**ระบบปฏิบัติการที่คนไทยนิยมใช้ คือ iOS (ipad) และระบบ Android หากคุณกำลังจะเลือกซื้อแต่ไม่รู้จะเลือกแบบไหนดีสามารถไปอ่านได้ที่ ไอแพด (iPad) vs แท็บเล็ตแอนดรอยด์ (Android) ซื้ออย่างไหนดีกว่ากัน? ต่อไปเราจะไปเจาะลึกแต่ละระบบปฏิบัติการกันสักเล็กน้อยค่ะ

iPadOS

iPadOS (iOS เวอร์ชันแท็บเล็ต) เป็นระบบปฏิบัติการของ Apple เอง และมีให้บริการบน iPad เท่านั้น หากคุณเคยใช้ iPhone มาก่อนคุณจะสามารถเชื่อมต่อระบบ iOS ได้ทันที ระบบ iOS เป็นระบบที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เพราะใช้งานง่าย และแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยใช้ก็สามารถเข้าใจระบบได้อย่างรวดเร็วด้วยรูปแบบการใช้งานที่ตรงไปตรงมา ยิ่งไปกว่านั้นยังมีแอปพลิเคชันมากมายที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับ iPad ซึ่งทำให้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดี จุดเด่นคือ มีเสถียรภาพมาก วุสดุตัวเครื่องทั้งภายในภายนอกแล้วมีคุณภาพสูง แข็งแรงทนทาน หน้าจอขนาดใหญ่ รูปแบบภาพ และหน้าจอค่อนข้างคมชัด แต่แน่นอนว่า ทั้งหมดนี้ต้องแลกกับราคาที่สูงกว่ารุ่นอื่น ๆ

Android

Android เป็นระบบปฏิบัติการที่ใช้กันอบ่างแพร่หลาย ถือว่าได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีสินค้าที่จำหน่ายในทุกช่วงราคา มีความแตกต่างเล็กน้อย ระหว่างแบรนด์ แต่โดยทั่วไปแล้วสินค้าทั้งหมดทำงานในลักษณะเดียวกัน โดยมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจากแท็บเล็ต Android เครื่องหนึ่งไปยังอีกเครื่องหนึ่ง ข้อดีอย่างหนึ่งของ Android คือปรับแต่งและปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณได้ง่าย ข้อเสียคือ แอปพลิเคชัน เพราะแอปฯ จำนวนมากมักไม่ได้รับการพัฒนาจึงขาดการอัปเดตและใช้งานช้าไปบ้างในบางครั้ง และบางส่วนไม่ได้รับการปรับให้เหมาะกับหน้าจอขนาดใหญ่ ซึ่งข้อเสียเหล่านี้ไม่ใช่ทั้งหมด โดย แอปฯ หลัก ๆ ที่เราต้องใช้กัน สามารถใช้ได้ปกติ จะมีเป็นบางแอปฯ เท่านั้นที่มีปัญหาค่ะ

Fire OSFire OS

Fire OS มีให้บริการเฉพาะบนแท็บเล็ตแบรนด์ Amazon โดยใช้ระบบที่ใกล้เคียงกับ Android แต่ดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง แอปสโตร์มีตัวเลือกน้อยกว่า Google Play Store ของ Android แต่ก็ยังมีแอปหลักที่คนส่วนใหญ่ใช้รวมถึง Facebook และ Netflix ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าระบบปฏิบัติการนี้เป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่มีใช้ในไทย

Windows

Windows เป็นระบบที่หลายคนคุ้นเคยอยู่แล้ว สำหรับทุกคนที่เคยใช้คอมพิวเตอร์ สำหรับ Windows ในแท็บเล็ตมันก็เป็นแบบเดิมที่เราทุกคนคุ้นเคยเพียงแต่เปลี่ยนไปใช้บนแท็บเล็ตแค่นั้น ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถเรียกใช้แอปฯ และโปรแกรม Windows ได้ หากแท็บเล็ตของคุณมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะใช้งาน ซึ่งแท็บเล็ต Windows นี้ มีคุณภาพแทบจะเทียบเท่ากับการใช้งานแล็ปท็อปทั่วไปเลย หากคุณต้องการอุปกรณ์ขนาดเล็กไว้ทำงานเราขอแนะนำแท็บเล็ต Windows 10

สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อต้องเลือกซื้อแท็บเล็ต

1. ความละเอียดหน้าจอ

ความละเอียดของหน้าจอแสดงผล จะแสดงเป็นพิกเซลต่อนิ้ว (ppi) และยิ่งความละเอียดสูงขึ้นข้อความ และรูปภาพก็จะคมชัดมากยิ่งขึ้น ซึ่งความละเอียดในหน้าจอแสดงผลโดยทั่วไปมีตั้งแต่ 1024 x 600 พิกเซล ไปจนถึง 2560 x 1700 พิกเซล หน้าจอที่มีความละเอียดสูงต้องใช้โพรเซสเซอร์ที่เร็วขึ้น เพื่อจัดการพิกเซลพิเศษเหล่านั้นทั้งหมด และใช้พลังงานมากขึ้นส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่ด้วยเช่นกัน

2. พื้นที่จัดเก็บ

แท็บเล็ตส่วนใหญ่มีความจุแตกต่างกันไปตั้งแต่ 16GB ถึง 128GB หรือมากกว่านั้น พื้นที่ที่คุณต้องการขึ้นอยู่กับว่า คุณตั้งใจจะใช้แท็บเล็ตอย่างไร? แท็บเล็ตทั้งหมด เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การตรวจสอบอีเมล การท่องเว็บ การสตรีมวิดีโอ และเนื้อหาอื่น ๆ ผ่านอินเทอร์เน็ต สำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น ไม่จำเป็นต้องเลือกซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลมากนัก ส่วน Apple (iPad) นั้นไม่สามารถอัปเกรดโดยใช้การ์ด microSD ที่ขยายได้ อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการเก็บเพลง วิดีโอ และแอปฯ จำนวนมาก ความจุในการจัดเก็บข้อมูลบนแท็บเล็ตเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง

เคล็ดลับ: หากแท็บเล็ตของคุณมีการเชื่อมต่อภายนอกได้ เช่น การ์ด SD หรือช่องเสียบ USB คุณสามารถเลือกเครื่องมือที่มีพื้นที่เก็บข้อมูลภายในได้น้อยลง และเพิ่มหน่วยจัดเก็บพิเศษผ่านทางการ์ดหน่วยความจำ USB แฟลชไดรฟ์หรือแม้แต่ฮาร์ดไดรฟ์ภายนอก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบไร้สายสำหรับแท็บเล็ตที่ไม่มีการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ เช่น iPad ด้วย

3. การเข้าถึงระบบออนไลน์

แท็บเล็ตส่วนใหญ่มี Wi-Fi ในตัว และหลายรุ่นเสนอรุ่นที่มีบรอดแบนด์มือถือ 3G หรือ 4G แต่นั่นหมายถึง การใช้เงินเพื่อซื้อแพคเกจแยกต่างหาก ตัวเลือกยอดนิยมคือแท็บเล็ตที่ใช้ Wi-Fi เท่านั้น คุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ผ่าน Wi-Fi นอกจากนี้คุณสามารถใช้สมาร์ทโฟนของคุณ เป็นฮอตสปอตมือถือได้ด้วย อย่างไรก็ตามแท็บเล็ต 4G ที่มีแพคเกจเป็นของตัวเองอาจคุ้มค่าหากใช้งานในสถานที่ที่ไม่มี Wi-Fi นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกซื้อแท็บเล็ตที่มีทั้งระบบ Wi-Fi และ 4G ได้เช่นกันแต่อาจจะมีราคาแพงขึ้นมาเล็กน้อย

4. การเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์

แม้ว่าการเชื่อมต่อจะเป็นข้อพิจารณาหลักสำหรับพีซี และแล็ปท็อป แต่ไม่ค่อยจำเป็นสำหรับแท็บเล็ตซึ่งส่วนใหญ่ เพราะใช้ Wi-Fi บลูทูธ และแอปฯ สำหรับจัดเก็บ แท็บเล็ต Apple (iPad) มีวิธีการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ที่สามารถเพิ่มผ่านอะแดปเตอร์เข้ากับพอร์ตเชื่อมต่อของแท็บเล็ตหรือแบบไร้สายโดยอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยทั่วไปแท็บเล็ต Android จะมีการเชื่อมต่อฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายมากกว่า iPad โดยมีทั้ง พอร์ต USB, HDMI-out หรือช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำสำหรับพื้นที่จัดเก็บเพิ่มเติมทั่วไป

เคล็ดลับ: โดยปกติคุณสามารถเชื่อมต่อแป้นพิมพ์หรือจอภาพผ่านบลูทูธได้หากคุณไม่มีปลั๊ก USB หรือ HDMI

5. อายุการใช้งานแบตเตอรี่และความเร็วในการประมวลผล (GHz)

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ มีความสำคัญเนื่องจากแท็บเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่สามารถพกพาได้สะดวกเป็นพิเศษ ตามหลักการแล้วควรใช้งานได้เต็มวันก่อนที่คุณจะต้องชาร์จแบตเตอรี่ใหม่ ส่วนความเร็วในการประมวลผลของแท็บเล็ตของคุณจะถูกวัดเป็นกิกะเฮิรตซ์ (GHz) แต่ขอบอกก่อนเลยว่า ความเร็วในการประมวลผลนั้น ไม่ใช่การตัดสินใจที่สำคัญในการเลือกแท็บเล็ตของคุณเหมือนกับการเลือกคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปหรือแล็ปท็อป นั่นก็เป็นเพราะตัวเลือกโพรเซสเซอร์มีไม่มากนัก iPad ทุกรุ่นมีโพรเซสเซอร์เดียวกันในแต่ละรุ่น แต่สำหรับแท็บเล็ตที่ใช้ Android จะเปรียบเทียบความเร็วระหว่างรุ่นได้ยากมากเนื่องจากใช้โพรเซสเซอร์ที่แตกต่างกัน

รู้ก่อนซื้อ! 5 วิธีการใช้งานแท็บเล็ตสำหรับมือใหม่ ให้คุ้มค่าและโดนใจที่สุด

ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมใช้งานบนแท็บเล็ต เพราะสะดวกและมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ใครที่กำลังสนใจอยากจะซื้อแท็บเล็ตมาไว้ใช้งานหรืองานอดิเรกต่างๆ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกจากตรงไหนดี กลัวซื้อมาใช้ไม่คุ้มค่าหรือใช้แล้วไม่โดนใจ วันนี้ทางเรามีเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ มาให้ทุกคนได้ถามตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจซื้อกัน

1.เลือกตรงตามความต้องการ จะสายบันเทิงหรือสายทำงานดีนะ

แท็บเล็ตที่ดีที่สุดไม่ใช่แท็บเล็ตที่ราคาแพงที่สุด แต่เป็นแท็บเล็ตที่ใช้งานได้ตอบโจทย์ของผู้ใช้มากที่สุด อย่างแรกเราต้องถามตัวเองก่อนว่าเราจะซื้อมาใช้ทำอะไรบ้าง เช่น สายบันเทิงเน้น ดูหนังฟังเพลง เล่นเกม หรือสายทำงาน เรียน ทำกราฟิก เพราะแท็บเล็ตแต่ละเครื่องจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน เมื่อเราตอบคำถามตัวเองได้แล้วว่าซื้อมาใช้ทำอะไร ก็จะสามารถเลือกได้ว่าควรจะเลือกแท็บเล็ตที่มีจุดเด่นทางด้านไหนที่ตรงสเป็คเราที่สุด

2.ชิปเซ็ตหรือหน่วยประมวลผล ยิ่งแรงยิ่งดี!

เป็นอีกข้อที่สำคัญเช่นกันที่จะต้องคำนึงก่อนตัดสินใจซื้อ หากมีการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และใช้งานด้านเอกสารต่างๆจำนวนมาก หากได้แท็บเล็ตที่มีสเป็คแรง จะทำให้การใช้งานทั้งหลายนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยิ่งใครที่ซื้อมาเพื่อใช้งานด้านกราฟิกขอบอกเลยว่าใช้งานได้อย่างลื่นไหลและไม่มีติดขัดแน่นอน แล้วแท็บเล็ตสเป็คแรงดูยังไง

ดูจากอะไร เรามีความรู้เล็กๆ น้อยๆ มาฝาก

  • CPU หรือหน่วยประมวลผล ดูที่ความเร็วประมวลผล ถ้าหน่วยเป็น GHz ยิ่งมากก็แปลว่าเร็วมาก

  • GPU หรือ หน่วยประมวลกราฟิก ข้อนี้จะมีความสำคัญสำหรับคนที่ใช้เล่นเกม หรือใช้ทำงานเกี่ยวกับกราฟิก เพราะแค่ CPU แรง Ram เยอะ อาจไม่เพียงพอ ควรดู GPU ที่เหมาะสมเพื่อการใช้งานที่ลื่นไหลด้วย

  • Ram คือ หน่วยความจำหลัก ใช้ในการรันแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งถ้าน้อยเกินไปก็จะได้เจอกับอาการเครื่องค้างหรือแอปเด้งได้ ยิ่งเยอะก็ยิ่งทำให้เครื่องมีประสิทธิภาพที่ดีขึ้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเยอะเกิน เราควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานที่สุด

  • Rom คือ หน่วยความจำตัวเครื่อง หรือเรียกว่า “ความจุ” ทำหน้าที่ใช้ในการเก็บข้อมูลต่างๆ ซึ่งถ้ามีเยอะเครื่องก็จะจัดเก็บข้อมูลได้เยอะนั่นเอง

3.ขนาดเครื่องและขนาดหน้าจอ เล็กกระทัดรัดหรือใหญ่จัดเต็ม

ขนาดเครื่องและหน้าจอก็เป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ ขนาดหน้าจอที่แตกต่างกันก็มีวิธีการใช้งานต่างกันไปด้วย ขนาดหน้าจอที่ 7-8 นิ้ว จะเหมาะกับการใช้งานทั่วไปหรือเล่นเกมและเหมาะกับการพกพามากที่สุด ขนาดหน้าจอที่ 9 นิ้วขึ้นไป อาจจะเหมาะสำหรับคนที่ใช้ทำงานรวมถึงดูหนัง ฟังเพลง เล่นโซเชียล แต่ไม่เหมาะกับการเล่นเกมเพราะด้วยขนาดใหญ่อาจจะทำให้เมื่อยแขนได้ แต่ถ้าใครไม่ติดขัดอะไรอยากใช้เล่นเกมก็ไม่มีปัญหา นอกจากเรื่องขนาดของหน้าจอแล้วยังมีในส่วนของความละเอียดหน้าจอที่ให้ความคมชัดและสีสันที่แตกต่างกัน ในส่วนนี้มีผลต่อการอรรถรสในด้านความบันเทิงด้วยนั่นเอง

ในเรื่องของขนาดแบตเตอรี่จะให้มามากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่ขนาดเครื่องเป็นหลัก ถ้าขนาดเครื่องที่ใหญ่ขนาดของแบตเตอรี่ก็มากขึ้น น้ำหนักของเครื่องก็จะเพิ่มไปด้วย แต่ทั้งนั้นทั้งนี้จะใช้งานได้ตลอดทั้งวันหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคน

4.หน่วยความจำของเครื่อง เยอะจุใจหรือแค่พอใช้

พื้นที่จัดเก็บข้อมูลภายในตัวเครื่อง ยิ่งมีมากเราสามารถติดตั้งแอปพลิเคชันได้หลากหลาย เก็บข้อมูลต่างๆ ได้เยอะ เช่น เพลง รูปภาพและวิดีโอ เราควรเลือกขนาดความจำให้เหมาะสมกับการใช้งาน ถ้าหากเป็นแท็บเล็ตที่สามารถใส่ microSD Card เพิ่มความจำได้ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ในรุ่นที่ไม่สามารถเพิ่มได้ ถ้าเราเลือกรุ่นที่มีความจำน้อยเกินไป บางทีเราอาจจะใช้งานได้ไม่พอ ถ้าเราเลือกรุ่นที่มีความจำมากเกินไป เราก็อาจจะใช้งานได้ไม่คุ้มค่าเท่ากับเงินที่เสียไป ถ้าชอบดูหนัง ฟังเพลง หรือเน้นการเก็บงานเอกสารหรือไฟล์งานต่างๆ เราควรเลือกแท็บเล็ตที่มีหน่วยความจำมากหน่อย แต่ถ้าใช้งานแค่ เล่นเกม เล่นโซเชียล  ก็ให้รุ่นที่มีหน่วยความจำขนาดปานกลางไม่มากและไม่น้อยเกินไป

5.ราคาที่เหมาะสม คุ้มค่าแถมโดนใจ

ในแต่ละหัวข้อก็มีความสำคัญต่างกันไปแต่สุดท้ายแล้วเราควรเลือกแท็บเล็ตที่ทั้งคุณภาพดีและราคาคุ้มค่า หากราคาแพงเกินไป แต่ได้คุณภาพที่ไม่เหมาะสมกับราคา เราจะเสียเงินโดยใช่เหตุเพราะฉะนั้นเราต้องหาข้อมูล เปรียบเทียบสเป็ค ราคา จากหลายๆ แบรนด์หลายๆ ค่าย เพื่อหาแท็บเล็ตที่คุ้มค่าที่สุดก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อ

อยากให้ทุกคนลองสำรวจความต้องการของตัวเองให้ชัดเจนเสียก่อนที่จะตัดสินใจซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่เพราะในยุคสมัยนี้มีแท็บเล็ตมากมายหลากหลายแบรนด์มากๆ หวังว่าข้อมูลของเราจะมีส่วนช่วยในการตัดสินใจของใครหลายๆ คน