เลือกเครื่องกรองอากาศอย่างไรให้ตอบโจทย์คนเมืองใหญ่?

“เมืองหลวงควันและฝุ่นมากมาย พี่สูดดมเข้าไปร่างกายก็เป็นภูมิแพ้”

จากเพลงฮิตติดชาร์ตของป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ สู่ปัญหาสุขภาพที่ทุกคนต้องเผชิญ โดยเรียกได้ว่าเป็นวิกฤติประจำปีไปแล้วสำหรับ “ฝุ่น PM 2.5” ที่เมื่อฤดูฝนผ่านพ้นไป เจ้าสิ่งนี้ก็พร้อมมาเยือน และกลายเป็นมัจจุราชเงียบที่ทำร้ายสุขภาพทุกคนอย่างช้า ๆ อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวเองจากฝุ่น PM2.5 ก็พอที่จะทำได้อยู่บ้าง วิธีแรกคือการหมั่นสวมใส่หน้ากากในตอนที่ต้องออกไปกลางแจ้ง ส่วนอีกวิธีที่สำคัญไม่แพ้กันคือการหาเครื่องกรองอากาศคุณภาพดีมาไว้ในที่พักอาศัย และสำหรับผู้ที่อยากมีเครื่องกรองอากาศไว้ใช้งาน แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรให้ตอบโจทย์ บทความนี้จะมาแนะนำเครื่องฟอกอากาศที่ตอบโจทย์ 3 รูปแบบการใช้งานสำหรับคนเมือง ติดตามได้เลย

การเลือกเครื่องกรองอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งานสำคัญอย่างไร?

แน่นอนว่าเครื่องกรองอากาศคือสิ่งที่สมควรต้องลงทุนอย่างยิ่งในยุคนี้ อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่มองข้ามรายละเอียดสำคัญไป และเลือกซื้อเพียงเพราะราคาถูกหรือดีไซน์สวยงาม ผลลัพธ์ที่ได้คือเครื่องทำงานไม่ตรงกับความต้องการ โดยเหตุผลที่ควรเลือกเครื่องกรองอากาศให้เหมาะสมกับการใช้งานมีหลายข้อ ดังต่อไปนี้

• เพื่อให้เครื่องกรองอากาศทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ: เครื่องกรองอากาศมีหลากหลายประเภท แต่ละรุ่นมีเทคโนโลยีและระบบกรองที่แตกต่างกัน เหมาะกับการใช้งานในสภาพพื้นที่ที่ต่างกันไปด้วย
• มีระดับเสียงที่เหมาะสม: เครื่องกรองอากาศบางรุ่นมีเสียงดังเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับขนาดพื้นที่ จึงรบกวนการพักผ่อน ดังนั้น ควรเลือกเครื่องที่มีระดับเสียงที่พอดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยรู้สึกไม่ถูกรบกวน
• การเลือกเครื่องกรองอากาศที่ไม่ตรงกับการใช้งาน ทำให้เสียทั้งเงินและค่าไฟไปโดยเปล่าประโยชน์: เพราะยิ่งเครื่องใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งมีอัตรากินไฟมากเท่านั้น

การใช้งานเครื่องกรองอากาศในคอนโดสตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน

สำหรับวัยทำงาน ถ้ายังไม่ได้แต่งงานสร้างครอบครัว โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะอาศัยอยู่ในห้องคอนโด หรืออพาร์ทเมนต์ขนาดสตูดิโอ หรือ 1 ห้องนอน ซึ่งมีขนาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-45 ตารางเมตร ดังนั้น เมื่อซื้อเครื่องกรองอากาศ ก็ควรที่จะเลือกเครื่องที่ตอบโจทย์การใช้งานในพื้นที่เท่านี้ ไม่น้อย หรือมากไปกว่านี้ โดยรุ่นแนะนำสำหรับคอนโดขนาด 1 ห้องนอน ก็คือ PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ WIFI 44ตร.ม. CADR 170 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย ดังต่อไปนี้

• CADR 170 ลบ.ม./ชม.กำจัด มลพิษ เช่น PM2.5 แบคทีเรีย เกสรดอกไม้ ฝุ่นผง ขนสัตว์ และอื่นๆ อีกมากมายภายใน 17 นาที
• เหมาะกับขนาดห้อง สูงสุด 44 ตร.ม.
• ระบบกรอง 2 ชั้นที่ใช้เทคโนโลยี HEPA ของ NanoProtect ช่วยจับอนุภาคละเอียดพิเศษที่เล็กถึง 0.003 ไมครอนได้ 99.97% ระบบกรองอนุภาค 99.97%
• เทคโนโลยี VitaShield จะจับละอองลอย เชื้อโรค และอนุภาคที่ขนาดเล็ก รวมถึงไวรัสออกจากอากาศที่ 0.003 ไมครอน
• ระบบกรองสารก่อภูมิแพ้ 99.99%
• ระบบกรองไวรัสและละอองลอย
• ความยาวสายไฟ 1.6 ม.
• การตั้งค่าความเร็วแบบกำหนดเอง 3 ระดับ (หลับ ปานกลาง เทอร์โบ)
• ระดับเสียงต่ำสุด (โหมดหลับ) 19 dB (6)

เมื่อซื้อมาแล้ว ในส่วนของการวาง ควรวางในจุดที่ใช้ชีวิตอยู่มากที่สุด เช่นหัวเตียงนอน และที่สำคัญควรห่างจากผนังและเฟอร์นิเจอร์อย่างน้อย 30 ซม.

การใช้งานเครื่องกรองอากาศในห้องนั่งเล่น หรือห้องโถงที่บ้าน

“ห้องนั่งเล่น หรือห้องโถงที่บ้าน” คือหนึ่งในบริเวณที่ควรลงทุนซื้อเครื่องกรองอากาศไปวางไว้มากที่สุด เนื่องจากเป็นจุดที่สมาชิกทุกคนในบ้านใช้เวลาร่วมกัน จึงคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้ว ห้องนั่งเล่นที่บ้านจะมีขนาดประมาณ 45-60 ตารางเมตร ดังนั้น เครื่องกรองอากาศที่ตอบโจทย์นี้ได้ดีต้องยกให้กับ MEX เครื่องฟอกอากาศ ระบบ UV 60 ตร.ม.รุ่นP402-UV มาพร้อมกับหลากหลายฟีเจอร์ เหมาะกับการใช้งานในห้องโถงอย่างยิ่ง ดังต่อไปนี้

• มีเทคโนโลยี UV-C ช่วยฆ่าเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อราที่แผ่นกรองด้วยหลอด UV-C ไม่ก่อให้เกิดโอโซน
• ขนาดพื้นที่ที่เหมาะสม 35-60 ตร.ม มีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) 220 ลบ.ม ต่อ ชม.
• ระบบการกรอง 3 ชั้น Pre Filter, HEPA Filter, Activated Carbon Filter
• หน้าจอแสดงค่าฝุ่นละออง PM2.5 แบบ Real Time
• มีเซนเซอร์อัจฉริยะ คอยตรวจวัดคุณภาพอากาศได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
• มีไฟแจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง และเปลี่ยนหลอดยูวี

การใช้งานเครื่องกรองอากาศในออฟฟิศสำนักงาน

นอกจากบ้านแล้ว ออฟฟิศหรือสำนักงานยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่คนใช้เวลาในแต่ละวันมากที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้น ถ้าคุณคือผู้ประกอบการ ก็ควรที่จะลงทุนซื้อเครื่องกรองอากาศมาติดตั้งไว้ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับคนในองค์กร และเมื่อสุขภาพแข็งแรง ประสิทธิภาพการทำงานก็จะยิ่งดีมากขึ้น โดยรุ่นที่แนะนำคือ SHARP เครื่องฟอกอากาศ ขนาด 84 ตรม. สีขาว รุ่นFX-S120BW ที่โดดเด่นด้วยฟีเจอร์ต่อไปนี้

• ดีไซน์กะทัดรัด มินิมอล ครอบคลุม พื้นที่ฟอกอากาศกว่า 84 ตารางเมตร
• ควบคุมการใช้งานผ่าน SHARP AIR APP และสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Google Assistant
• Double-side Suction เหนือกว่าด้วยการดูดอากาศเข้าทั้งสองข้างของเครื่อง จึงฟอกอากาศสะอาดได้เร็วยิ่งขึ้น เหมาะกับรูปแบบการใช้งานจริง ที่แม้จะวางเครื่องฟอกอากาศชิดผนังแต่ยังคงประสิทธิภาพการฟอกอากาศสูงสุด
• Coanda Air Flow ด้วยแรงดูดและรูปแบบกระแสลมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ที่ช่วยให้การไหลเวียนอากาศไปทั่วถึงทุกมุมของห้อง และช่วยกำจัดฝุ่นละอองที่กระจายอยู่ที่พื้นล่างของห้องได้สะอาดยิ่งขึ้น
• Smart Operation with Sensors สามารถตรวจจับ PM 2.5 ฝุ่น กลิ่น สารระเหยต่าง ๆ อุณหภูมิ ความชื้นและแสงสว่าง ปรับการทำงานของเครื่องฟอกให้สอดคล้องกับทุกกิจกรรม
• Micro Hepa Plus สามารถดักเก็บฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กสุด 0.02 ไมครอน ได้ถึง 99% (ดักเก็บฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กสุด 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97%)

แน่นอนว่าออฟฟิศส่วนใหญ่มีขนาดอยู่ที่ประมาณ 200-400 ตารางเมตร ดังนั้น เครื่องเดียวจึงไม่เพียงพอ แต่ควรนำขนาดพื้นที่จริงมาหารด้วย 84 และเมื่อซื้อมาแล้ว ก็ควรวางกระจายตามแต่ละมุม เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ทั่วถึง

เลือกซื้อเครื่องกรองอากาศคุณภาพดีที่ Siam T.V.

ถ้าหากโจทย์ของคุณคือการมองหาเครื่องกรองอากาศคุณภาพดี ในราคาคุ้มค่า เครื่องฟอกอากาศทั้ง 3 รุ่น รวมถึงอีกหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ มีให้เลือกซื้ออย่างครบครันที่ Siam T.V. ศูนย์รวมเครื่องใช้ไฟฟ้าคุณภาพดีที่ได้มาตรฐาน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ในงบประมาณที่คุณสามารถเลือกได้ พร้อมบริการหลังการขายที่น่าประทับใจ โปรโมชันเพียบ จัดส่งให้ถึงบ้าน เลือกช้อปผ่านทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริการจัดส่งทั่วไทย โทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 052-086666 และ LINE@สยามทีวี SIAM T.V.